“กำจร” สั่งเพิ่ม 4 มาตรการกำหราบ “อุเทนถวาย-ปทุมวัน” พร้อมสั่งส่งรายชื่อหัวโจกให้ ตร.- สกอ. ก่อนส่งต่อ คสช. ด้วย ขู่ก่อเหตุอีก ตร. จะเรียกหัวโจกตามรายชื่อสอบทุกคน ย้ำใครก่อเหตุสั่งปิดทันที ด้าน ปทุมวัน ผุดมาตรการพกมีดภาคทัณฑ์ พกปืนไล่ออกทันที ขณะที่ อุเทนถวาย ติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม
วันนี้ (25 ก.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ รศ.ดร.พัชรี ชยากรโศภิต รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.ตะวันออก) วิทยาเขตอุเทนถวาย นายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการ รองธิการบดี และ รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ว่า อธิการบดีและผู้บริหารของทั้ง 2 สถาบันได้มารายงานความคืบหน้าหลังที่ตนได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารทั้ง 2 สถาบันไปหามาตรการป้องกันและยุติปัญหาการทะเลาะวิวาท ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะตั้งแต่มีการหารือไปตั้งแต่เกิดเรื่องก็ยังไม่พบปัญหาวิวาทเกิดขึ้นอีก โดยทางสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันได้เตรียมมาตรการป้องกันปัญหาเข้มงวดอยู่แล้ว และครั้งนี้จะเพิ่มมาตรการป้องปรามในกรณีหากพบนักศึกษาคนใดพกมีดจะถูกภาคทัณฑ์แต่ถ้าหากพกปืนจะถูกไล่ออกทันที ในส่วนของอุเทนถวาย ก็รายงานว่าได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มรวมถึงรับปากจะหามาตรการป้องกันที่เข้มข้น และตนได้เน้นย้ำว่าให้ดำเนินการจริงจัง ขณะเดียวกันได้มอบแนวทางดำเนินการเพิ่ม 4 มาตรการ ดังนี้
1. ห้ามไม่ให้มีอาวุธในสถานศึกษาโดยเด็ดขาด 2. หากพบว่ามีผู้กระทำผิดให้ลงโทษอย่างจริงจังและเด็ดขาด 3. ฝึกวินัยให้กับนักศึกษา โดยในปีการศึกษา 2558 ให้ทั้ง 2 สถาบันจัดกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ร่วมกันเพื่อฝึกวินัย ฝึกความสามัคคีกลมเกลียวซึ่งทั้ง 2 สถาบันมีแนวคิดจะประสานขอให้ทหารเข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกวินัยครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ต้องการปรามเพื่อให้เด็กหงอแต่เป็นความสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของเด็กทั้ง 2 สถาบัน เพื่อที่หากจะก่อเหตุวิวาทจะได้รู้จักยั้งคิด 4. ขอให้ทั้ง 2 สถาบันสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการและร่วมมือกันการสร้างงานวิชาการในอนาคตให้มากขึ้น รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองและนักเรียนได้รู้ถึงจุดเด่นทางวิชาการของแต่ละสถาบันเพื่อให้รู้ว่าหากเรียนจบที่มีจะมีอนาคตอย่างไร
“ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งว่าหากสถาบันใดก่อเหตุวิวาทให้ปิดทันที ซึ่ง สกอ. ไม่มีอำนาจในการสั่งปิดสถานบันการศึกษาแต่ผมได้แจ้งแก่ทั้ง 2 สถาบันแล้วว่าหากพบว่ามีสถาบันใดก่อเหตุผมจะอาศัยคำสั่ง คสช. ในการสั่งปิดทันที ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ไปกำชับนักศึกษาของแต่ละสถาบันด้วยว่าถ้าไม่อยากให้ถูกสั่งปิด เพราะก่อเหตุวิวาทกันก็ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบข้อมูลที่ไม่ชอบมาพากลหรือเบาะแสให้แจ้งแก่ผู้บริหารทันที ดังนั้น สถาบันจะถูกปิดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวนักศึกษาด้วย นอกจากนี้ ผมยังกำชับให้ไปอาจารย์ที่เป็นศิษย์เก่าที่อาจจะยุยงส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง ซึ่งหากปรามไม่ได้ก็ขอให้ปราบ”รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า ทั้งนี้ ขอให้ทั้ง 2 สถาบันรวมรายชื่อหัวโจกส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ สกอ. จากนั้นตนจะส่งต่อไปยัง คสช. ด้วย ซึ่งหากมีการก่อเหตุวิวาทขึ้นมาอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกหัวโจกที่มีรายชื่อทั้งหมดมาสอบปากคำ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (25 ก.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ รศ.ดร.พัชรี ชยากรโศภิต รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.ตะวันออก) วิทยาเขตอุเทนถวาย นายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการ รองธิการบดี และ รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ว่า อธิการบดีและผู้บริหารของทั้ง 2 สถาบันได้มารายงานความคืบหน้าหลังที่ตนได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารทั้ง 2 สถาบันไปหามาตรการป้องกันและยุติปัญหาการทะเลาะวิวาท ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะตั้งแต่มีการหารือไปตั้งแต่เกิดเรื่องก็ยังไม่พบปัญหาวิวาทเกิดขึ้นอีก โดยทางสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันได้เตรียมมาตรการป้องกันปัญหาเข้มงวดอยู่แล้ว และครั้งนี้จะเพิ่มมาตรการป้องปรามในกรณีหากพบนักศึกษาคนใดพกมีดจะถูกภาคทัณฑ์แต่ถ้าหากพกปืนจะถูกไล่ออกทันที ในส่วนของอุเทนถวาย ก็รายงานว่าได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มรวมถึงรับปากจะหามาตรการป้องกันที่เข้มข้น และตนได้เน้นย้ำว่าให้ดำเนินการจริงจัง ขณะเดียวกันได้มอบแนวทางดำเนินการเพิ่ม 4 มาตรการ ดังนี้
1. ห้ามไม่ให้มีอาวุธในสถานศึกษาโดยเด็ดขาด 2. หากพบว่ามีผู้กระทำผิดให้ลงโทษอย่างจริงจังและเด็ดขาด 3. ฝึกวินัยให้กับนักศึกษา โดยในปีการศึกษา 2558 ให้ทั้ง 2 สถาบันจัดกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ร่วมกันเพื่อฝึกวินัย ฝึกความสามัคคีกลมเกลียวซึ่งทั้ง 2 สถาบันมีแนวคิดจะประสานขอให้ทหารเข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกวินัยครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ต้องการปรามเพื่อให้เด็กหงอแต่เป็นความสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของเด็กทั้ง 2 สถาบัน เพื่อที่หากจะก่อเหตุวิวาทจะได้รู้จักยั้งคิด 4. ขอให้ทั้ง 2 สถาบันสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการและร่วมมือกันการสร้างงานวิชาการในอนาคตให้มากขึ้น รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองและนักเรียนได้รู้ถึงจุดเด่นทางวิชาการของแต่ละสถาบันเพื่อให้รู้ว่าหากเรียนจบที่มีจะมีอนาคตอย่างไร
“ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งว่าหากสถาบันใดก่อเหตุวิวาทให้ปิดทันที ซึ่ง สกอ. ไม่มีอำนาจในการสั่งปิดสถานบันการศึกษาแต่ผมได้แจ้งแก่ทั้ง 2 สถาบันแล้วว่าหากพบว่ามีสถาบันใดก่อเหตุผมจะอาศัยคำสั่ง คสช. ในการสั่งปิดทันที ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ไปกำชับนักศึกษาของแต่ละสถาบันด้วยว่าถ้าไม่อยากให้ถูกสั่งปิด เพราะก่อเหตุวิวาทกันก็ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบข้อมูลที่ไม่ชอบมาพากลหรือเบาะแสให้แจ้งแก่ผู้บริหารทันที ดังนั้น สถาบันจะถูกปิดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวนักศึกษาด้วย นอกจากนี้ ผมยังกำชับให้ไปอาจารย์ที่เป็นศิษย์เก่าที่อาจจะยุยงส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง ซึ่งหากปรามไม่ได้ก็ขอให้ปราบ”รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า ทั้งนี้ ขอให้ทั้ง 2 สถาบันรวมรายชื่อหัวโจกส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ สกอ. จากนั้นตนจะส่งต่อไปยัง คสช. ด้วย ซึ่งหากมีการก่อเหตุวิวาทขึ้นมาอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกหัวโจกที่มีรายชื่อทั้งหมดมาสอบปากคำ
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่