“กำจร” เชิญผู้บริหารอุเทนถวาย - ปทุมวัน ร่วมหารือหลังเกิดเหตุวิวาทจนมีนักศึกษาทั้งสองแห่งเสียชีวิต ชี้สาเหตุการเสียชีวิตยังเป็นข้อคาใจวอน ตร. เร่งคลี่คลาย งัดโทษทางด้านบริหารขู่หากปล่อยเกิดขึ้นตั้งกรรมการสอบวินัยฐานปล่อยปละละเลย
วันนี้ (17 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เชิญ นายปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และ นายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.) วิทยาเขตอุเทนถวาย เพื่อหาทางยุติปัญหาการทะเลาะวิวาทระหว่างนักศึกษา 2 สถาบัน หลังเกิดเหตุการณ์นักศึกษาทั้ง 2 แห่งถูกยิงเสียชีวิตจากการแก้แค้นกันและกัน ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
รศ.นพ.กำจร เปิดเผยภายหลังการหารือว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเชิญประชุมนับตั้งแต่เกิดกรณี น.ส.กันต์กณิษฐ์ พรหมแก้ว นักศึกษาปี 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถูกยิงเสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นั้นลุกลามจนมีการเสียชีวิตของนักศึกษาทั้ง 2 ฝ่ายอีกหลายราย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้รายงานเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ทราบซึ่งส่วนมากก็เป็นไปตามข่าวที่ได้รายงานจากสื่อมวลชน โดยสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันได้แจ้งเพิ่มเติมว่า มีนักศึกษาถูกยิงที่ปอด แต่ไม่เป็นข่าวอีก 1 ราย จึงได้ให้ทั้ง 2 สถาบันทำบันทึกเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) อีกครั้ง
ส่วนกรณีนักศึกษาอุเทนถวาย ก่อเหตุยิงนักศึกษาเทคโนฯปทุมวัน เสียชีวิต 2 ราย และถูกตำรวจจับกุมได้ 6 ราย นั้น นายสืบพงษ์ รายงานว่า กรณีที่เกิดเป็นเพราะศิษย์เก่าอุเทนถวาย ซึ่งเป็นรุ่นพี่เข้ามายุยงรุ่นน้องให้ก่อเหตุ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีมาตรการเข้มงวดทั้งตรวจค้นอาวุธ ติดตั้งกล้องวงจรปิด ส่วนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน มีมาตรการที่ชัดเจนว่า ห้ามรุ่นพี่เข้ามาในบริเวณสถาบันโดยเด็ดขาด ทั้งการรับนักศึกษาก็จะไม่รับนักเรียนที่จบจากโรงเรียนที่มีปัญหาทะเลาะวิวาท และรับนักเรียนจากต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งก็พบว่าได้ผล เพราะไม่ใช่นักศึกษาที่มาจากสถาบันที่เป็นคู่อริกัน ก็ลดปัญหาลงได้ จึงได้มอบนโยบายให้อุเทนถวายกำหนดมาตรการห้ามบุคคลภายนอกเข้าสถาบันฯ อย่างเด็ดขาด เช่นกัน
“ผมมอบนโยบายให้ผู้บริหารทั้ง 2 สถาบันฯว่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ถ้าเกิดจะใช้มาตรการลงโทษฝ่ายบริหาร คือ การตั้งกรรมการสอบวินัย ฐานปล่อยปละละเลย และฝากถึงศิษย์เก่าอุเทนถวายฯ ด้วยว่า กรณีปัญหาที่ดินของอุเทนถวายฯ ยังไม่ลุล่วง ผมเห็นว่าทั้ง 2 สถาบันอยู่ร่วมกันอย่างสงบได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ สังคมก็จะตั้งคำถามต่ออุเทนถวาย ว่า ควรย้ายออกจากพื้นที่ได้หรือยัง” รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า ใน 2 ปีที่ผ่านมาทั้งสองสถาบันอยู่ในความสงบพอควร ซึ่งก็เข้าใจว่าน่าอยู่ร่วมกันได้อีกนาน แต่ถ้าก่อเหตุเพราะกรณีนักศึกษาสาวของอุเทนถวายฯยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายกังขา โดยอุเทนถวายฯเข้าใจว่าเป็นเทคโนฯปทุมวัน ส่วนเทคโนฯปทุมวัน ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นนักศึกษาของตนหรือไม่ ก็อยากขอให้ตำรวจเร่งจับกุมผู้ก่อเหตุ ถ้าจับได้ก็จะทำให้เหตุการณ์สงบลงได้
เลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการระยะยาว ขณะนี้สภามหาวิทยาลัยของทั้ง 2 แห่งก็ควบคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งต้องขอขอบคุณ และขณะนี้ทั้ง 2 สถาบันก็จัดการรับน้องภายในสถาบัน ซึ่งสามารถควบคุมไม่ให้ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีการทำร้ายรุ่นน้อง ซึ่งทำได้ดี แต่หากมีการลักลอบของรุ่นพี่พารุ่นน้องไปนอกสถานที่ ก็กำชับให้ดูแลเข้มงวดขึ้น หากมีปัญหาก็จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลได้ ซึ่ง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เป็นห่วงการรับน้องในภาพรวม แต่ปัญหาการรับน้องของ 2 สถาบันนี้ กลายเป็นการนำน้องเข้าร่วมกระบวนการ ซึ่งน่ากังวลว่ารุ่นพี่ที่ไม่สร้างประโยชน์ต่อสถาบัน กลับใช้ความเป็นอริต่อสถาบันตรงข้าม มาใช้น้องเป็นเครื่องมือ จะเป็นปัญหาในอนาคต
ด้าน รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน (สปท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในส่วนของสถาบันฯ ได้มีมาตรการป้องกันและดูแลนักศึกษาอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองนักศึกษาเข้าเรียน การคุ้มครองดูแลนักศึกษา ให้นักศึกษาเลิกเรียนตั้งแต่เวลา 15.00 น. และทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือจากนักศึกษาให้ดูแลตัวเอง และไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท เป็นต้น แต่สุดท้ายก็ยังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับนักศึกษาของเรา โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ตน นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่ารู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก เพราะนักศึกษาที่เข้าเรียนทุกคนเป็นเสมือนลูกหลานของเรา เมื่อเขาถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็ได้สร้างความเศร้าสลดทุกครั้ง ส่วนที่จะเลขาธิการ กกอ. ขอให้สถาบันฯ ปทุมวันไปหามาตรการป้องกันการทะเลาะวิวาท หรือความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ทางสถาบันฯ คงรับไปดำเนินการและวางมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะดำเนินการอะไรเพิ่มเติมบ้าง เพราะมาตรการป้องกันและดูแลนักศึกษาของเราที่ผ่านมาก็เข้มข้นมากอยู่แล้ว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (17 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เชิญ นายปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และ นายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.) วิทยาเขตอุเทนถวาย เพื่อหาทางยุติปัญหาการทะเลาะวิวาทระหว่างนักศึกษา 2 สถาบัน หลังเกิดเหตุการณ์นักศึกษาทั้ง 2 แห่งถูกยิงเสียชีวิตจากการแก้แค้นกันและกัน ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
รศ.นพ.กำจร เปิดเผยภายหลังการหารือว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเชิญประชุมนับตั้งแต่เกิดกรณี น.ส.กันต์กณิษฐ์ พรหมแก้ว นักศึกษาปี 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถูกยิงเสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นั้นลุกลามจนมีการเสียชีวิตของนักศึกษาทั้ง 2 ฝ่ายอีกหลายราย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้รายงานเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ทราบซึ่งส่วนมากก็เป็นไปตามข่าวที่ได้รายงานจากสื่อมวลชน โดยสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันได้แจ้งเพิ่มเติมว่า มีนักศึกษาถูกยิงที่ปอด แต่ไม่เป็นข่าวอีก 1 ราย จึงได้ให้ทั้ง 2 สถาบันทำบันทึกเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) อีกครั้ง
ส่วนกรณีนักศึกษาอุเทนถวาย ก่อเหตุยิงนักศึกษาเทคโนฯปทุมวัน เสียชีวิต 2 ราย และถูกตำรวจจับกุมได้ 6 ราย นั้น นายสืบพงษ์ รายงานว่า กรณีที่เกิดเป็นเพราะศิษย์เก่าอุเทนถวาย ซึ่งเป็นรุ่นพี่เข้ามายุยงรุ่นน้องให้ก่อเหตุ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีมาตรการเข้มงวดทั้งตรวจค้นอาวุธ ติดตั้งกล้องวงจรปิด ส่วนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน มีมาตรการที่ชัดเจนว่า ห้ามรุ่นพี่เข้ามาในบริเวณสถาบันโดยเด็ดขาด ทั้งการรับนักศึกษาก็จะไม่รับนักเรียนที่จบจากโรงเรียนที่มีปัญหาทะเลาะวิวาท และรับนักเรียนจากต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งก็พบว่าได้ผล เพราะไม่ใช่นักศึกษาที่มาจากสถาบันที่เป็นคู่อริกัน ก็ลดปัญหาลงได้ จึงได้มอบนโยบายให้อุเทนถวายกำหนดมาตรการห้ามบุคคลภายนอกเข้าสถาบันฯ อย่างเด็ดขาด เช่นกัน
“ผมมอบนโยบายให้ผู้บริหารทั้ง 2 สถาบันฯว่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ถ้าเกิดจะใช้มาตรการลงโทษฝ่ายบริหาร คือ การตั้งกรรมการสอบวินัย ฐานปล่อยปละละเลย และฝากถึงศิษย์เก่าอุเทนถวายฯ ด้วยว่า กรณีปัญหาที่ดินของอุเทนถวายฯ ยังไม่ลุล่วง ผมเห็นว่าทั้ง 2 สถาบันอยู่ร่วมกันอย่างสงบได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ สังคมก็จะตั้งคำถามต่ออุเทนถวาย ว่า ควรย้ายออกจากพื้นที่ได้หรือยัง” รศ.นพ.กำจร กล่าวและว่า ใน 2 ปีที่ผ่านมาทั้งสองสถาบันอยู่ในความสงบพอควร ซึ่งก็เข้าใจว่าน่าอยู่ร่วมกันได้อีกนาน แต่ถ้าก่อเหตุเพราะกรณีนักศึกษาสาวของอุเทนถวายฯยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายกังขา โดยอุเทนถวายฯเข้าใจว่าเป็นเทคโนฯปทุมวัน ส่วนเทคโนฯปทุมวัน ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นนักศึกษาของตนหรือไม่ ก็อยากขอให้ตำรวจเร่งจับกุมผู้ก่อเหตุ ถ้าจับได้ก็จะทำให้เหตุการณ์สงบลงได้
เลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการระยะยาว ขณะนี้สภามหาวิทยาลัยของทั้ง 2 แห่งก็ควบคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งต้องขอขอบคุณ และขณะนี้ทั้ง 2 สถาบันก็จัดการรับน้องภายในสถาบัน ซึ่งสามารถควบคุมไม่ให้ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีการทำร้ายรุ่นน้อง ซึ่งทำได้ดี แต่หากมีการลักลอบของรุ่นพี่พารุ่นน้องไปนอกสถานที่ ก็กำชับให้ดูแลเข้มงวดขึ้น หากมีปัญหาก็จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลได้ ซึ่ง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เป็นห่วงการรับน้องในภาพรวม แต่ปัญหาการรับน้องของ 2 สถาบันนี้ กลายเป็นการนำน้องเข้าร่วมกระบวนการ ซึ่งน่ากังวลว่ารุ่นพี่ที่ไม่สร้างประโยชน์ต่อสถาบัน กลับใช้ความเป็นอริต่อสถาบันตรงข้าม มาใช้น้องเป็นเครื่องมือ จะเป็นปัญหาในอนาคต
ด้าน รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน (สปท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในส่วนของสถาบันฯ ได้มีมาตรการป้องกันและดูแลนักศึกษาอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองนักศึกษาเข้าเรียน การคุ้มครองดูแลนักศึกษา ให้นักศึกษาเลิกเรียนตั้งแต่เวลา 15.00 น. และทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือจากนักศึกษาให้ดูแลตัวเอง และไม่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท เป็นต้น แต่สุดท้ายก็ยังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับนักศึกษาของเรา โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ตน นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่ารู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก เพราะนักศึกษาที่เข้าเรียนทุกคนเป็นเสมือนลูกหลานของเรา เมื่อเขาถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็ได้สร้างความเศร้าสลดทุกครั้ง ส่วนที่จะเลขาธิการ กกอ. ขอให้สถาบันฯ ปทุมวันไปหามาตรการป้องกันการทะเลาะวิวาท หรือความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ทางสถาบันฯ คงรับไปดำเนินการและวางมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะดำเนินการอะไรเพิ่มเติมบ้าง เพราะมาตรการป้องกันและดูแลนักศึกษาของเราที่ผ่านมาก็เข้มข้นมากอยู่แล้ว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่