สบส. เตรียมส่งประวัติแพทย์ทำอุ้มบุญส่งแพทยสภา ไต่สวนข้อเท็จจริง ด้านแพทยสภาหนุนตั้ง กม. อุ้มบุญ เอาผิดขบวนการเช่ามดลูกได้ยกแก๊ง เหตุปัจจุบันเอาผิดแม่รับจ้างท้องและเอเยนซีไม่ได้ ขณะที่ราชวิทยาลัยสูติฯ ชี้แพทย์อ้างไม่รู้ไม่ใช่ญาติไม่ได้ เหตุพบพ่อแม่จริงและแม่อุ้มบุญ ตั้งข้อสงสัยได้ ยิ่งต่างชาติยิ่งน่าสงสัย
วันนี้ (6 ส.ค.) นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปบ้านปากเกร็ด เพื่อติดตามข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและการทำอุ้มบุญ สืบค้นประวัติแพทย์ เพื่อส่งแพทยสภา และวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) จะแถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องการอุ้มบุญทั้งหมด
ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า วันที่ 7 ส.ค. จะนำเรื่องการตรวจจับคลินิกอุ้มบุญย่าน ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ และการช่วยเด็กอุ้มบุญทั้ง 9 คน ที่แหล่งพักย่านลาดพร้าวเข้าที่ประชุมกรรมการแพทยสภา เชื่อว่าครั้งนี้จะมีการลงโทษเอาผิดแพทย์จากการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เป็นรายแรก โดยเมื่อแพทยสภาได้รับรายชื่อแพทย์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แล้ว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการจริยธรรม เพื่อไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าผิดจริงจะมีโทษสูงสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
“กรณีดังกล่าวชัดเจนว่า แพทย์และสถานพยาบาลที่ทำการอุ้มบุญมีความผิดแน่นอนตามข้อบังคับแพทยสภา แต่ส่วนหญิงที่รับอุ้มบุญยังไม่มีกฎหมายใดกำหนดความผิด จึงเห็นด้วยและสนับสนุนให้มีการออก พ.ร.บ.การตั้งครรภ์โดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ... ซึ่งมีการยกร่างไว้ตั้งแต่ปี 2551 โดย พ.ร.บ. ดังกล่าวจะสามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำอุ้มบุญทั้งหมดตั้งแต่หญิงรับทำอุ้มบุญ เอเยนซี ฯลฯ ไม่เฉพาะแพทย์ที่ทำผิดตามข้อบังคับแพทยสภา” นายกแพทยสภา กล่าว
นพ.กำธร พฤกษานานนท์ ประธานอนุกรรมการเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีบุกตรวจคลินิกอุ้มบุญย่าน ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ และการช่วยเหลือเด็กอุ้มบุญ 9 คน จากแหล่งพักย่านลาดพร้าว ว่า การทำอุ้มบุญนั้น มีทั้งการเก็บไข่ เก็บสเปิร์ม และการฉีดตัวอ่อนให้แก่แม่แมบุญ ซึ่งแพทย์จะต้องพบกับพ่อแม่ที่แท้จริง และแม่อุ้มบุญ การจะอ้างว่าไม่รู้ว่าไม่ใช่ญาติไม่ได้ หากสงสัยก็สามารถสอบถามกลับได้ ยิ่งพ่อแม่ต่างชาติ ต่างภาษา เช่น กรณี “น้องแกรมมี่” สามารถสงสัยได้ ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงและแม่อุ้มบุญเป็นญาติกันหรือไม่ ซึ่งหากทำให้ก็ถือว่ามีความผิดแน่นอน เพราะตามประกาศแพทยสภานั้น กำหนดให้อุ้มบุญเฉพาะญาติทางสายเลือดเท่านั้น และต้องไม่มีการจ้างวาน อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ ราชวิทยาลัยสูติฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่จะเร่งให้ความรู้กับประชาชน
นพ.กำธร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการขยายให้ทำการอุ้มบุญในคนที่ไม่ใช่ญาติ ในร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ... นั้น ต้องให้ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทบทวน เพราะเรื่องนี้มีการเสนอสมัยนางปวีณา ดำรงตำแหน่วง รมว.พม. ส่วนทางราชวิทยาลัยสูติฯ ยืนยันตามประกาศแพทยสภาว่า การทำอุ้มบุญต้องทำในเครือญาติหรือคนสายเลือดเดียวกันเท่านั้น
นพ.อุดมศักดิ์ บุญวรเศรษฐ หัวหน้าปลูกถ่ายไขกระดูก รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า เรื่องการทำอุ้มบุญเพื่อนำเอาไขกระดูกเด็ก หรือสเต็มเซลล์ของเด็กไปใช้รักษาโรค และเสริมความงาม ไม่สามารถทำได้ เพราะเซลล์และเลือดของผู้รับและผู้ให้ต้องเข้ากันได้ โอกาสของคนที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดจะมาใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาเป็นไปได้ยาก และการใช้ไขกระดูก ก็จะใช้รักษาโรคระบบเลือดเท่านั้น ซึ่งกฎหมายสากลและประกาศแพทยสภา ก็กำหนดให้การใช้สเต็มเซลล์ และปลูกถ่ายอวัยวะระบบเลือด ต้องไม่มีการซื้อขาย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (6 ส.ค.) นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปบ้านปากเกร็ด เพื่อติดตามข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและการทำอุ้มบุญ สืบค้นประวัติแพทย์ เพื่อส่งแพทยสภา และวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) จะแถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องการอุ้มบุญทั้งหมด
ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า วันที่ 7 ส.ค. จะนำเรื่องการตรวจจับคลินิกอุ้มบุญย่าน ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ และการช่วยเด็กอุ้มบุญทั้ง 9 คน ที่แหล่งพักย่านลาดพร้าวเข้าที่ประชุมกรรมการแพทยสภา เชื่อว่าครั้งนี้จะมีการลงโทษเอาผิดแพทย์จากการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เป็นรายแรก โดยเมื่อแพทยสภาได้รับรายชื่อแพทย์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แล้ว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการจริยธรรม เพื่อไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าผิดจริงจะมีโทษสูงสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
“กรณีดังกล่าวชัดเจนว่า แพทย์และสถานพยาบาลที่ทำการอุ้มบุญมีความผิดแน่นอนตามข้อบังคับแพทยสภา แต่ส่วนหญิงที่รับอุ้มบุญยังไม่มีกฎหมายใดกำหนดความผิด จึงเห็นด้วยและสนับสนุนให้มีการออก พ.ร.บ.การตั้งครรภ์โดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ... ซึ่งมีการยกร่างไว้ตั้งแต่ปี 2551 โดย พ.ร.บ. ดังกล่าวจะสามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำอุ้มบุญทั้งหมดตั้งแต่หญิงรับทำอุ้มบุญ เอเยนซี ฯลฯ ไม่เฉพาะแพทย์ที่ทำผิดตามข้อบังคับแพทยสภา” นายกแพทยสภา กล่าว
นพ.กำธร พฤกษานานนท์ ประธานอนุกรรมการเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีบุกตรวจคลินิกอุ้มบุญย่าน ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ และการช่วยเหลือเด็กอุ้มบุญ 9 คน จากแหล่งพักย่านลาดพร้าว ว่า การทำอุ้มบุญนั้น มีทั้งการเก็บไข่ เก็บสเปิร์ม และการฉีดตัวอ่อนให้แก่แม่แมบุญ ซึ่งแพทย์จะต้องพบกับพ่อแม่ที่แท้จริง และแม่อุ้มบุญ การจะอ้างว่าไม่รู้ว่าไม่ใช่ญาติไม่ได้ หากสงสัยก็สามารถสอบถามกลับได้ ยิ่งพ่อแม่ต่างชาติ ต่างภาษา เช่น กรณี “น้องแกรมมี่” สามารถสงสัยได้ ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงและแม่อุ้มบุญเป็นญาติกันหรือไม่ ซึ่งหากทำให้ก็ถือว่ามีความผิดแน่นอน เพราะตามประกาศแพทยสภานั้น กำหนดให้อุ้มบุญเฉพาะญาติทางสายเลือดเท่านั้น และต้องไม่มีการจ้างวาน อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ ราชวิทยาลัยสูติฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่จะเร่งให้ความรู้กับประชาชน
นพ.กำธร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการขยายให้ทำการอุ้มบุญในคนที่ไม่ใช่ญาติ ในร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ... นั้น ต้องให้ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทบทวน เพราะเรื่องนี้มีการเสนอสมัยนางปวีณา ดำรงตำแหน่วง รมว.พม. ส่วนทางราชวิทยาลัยสูติฯ ยืนยันตามประกาศแพทยสภาว่า การทำอุ้มบุญต้องทำในเครือญาติหรือคนสายเลือดเดียวกันเท่านั้น
นพ.อุดมศักดิ์ บุญวรเศรษฐ หัวหน้าปลูกถ่ายไขกระดูก รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า เรื่องการทำอุ้มบุญเพื่อนำเอาไขกระดูกเด็ก หรือสเต็มเซลล์ของเด็กไปใช้รักษาโรค และเสริมความงาม ไม่สามารถทำได้ เพราะเซลล์และเลือดของผู้รับและผู้ให้ต้องเข้ากันได้ โอกาสของคนที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดจะมาใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาเป็นไปได้ยาก และการใช้ไขกระดูก ก็จะใช้รักษาโรคระบบเลือดเท่านั้น ซึ่งกฎหมายสากลและประกาศแพทยสภา ก็กำหนดให้การใช้สเต็มเซลล์ และปลูกถ่ายอวัยวะระบบเลือด ต้องไม่มีการซื้อขาย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่