xs
xsm
sm
md
lg

“ชาญณรงค์” เข้าพบ “อดุลย์” ชะลอประเมินรอบ 4 - ชี้ ยุบ สมศ.ไม่ได้คืนความสุขให้ครูอาจารย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมศ. แจง “อดุลย์” ถอยชะลอประเมินมหา’ลัยรอบ 4 จี้มหา’ลัยจัดกลุ่มเพื่อทำตัวบ่งชี้ตามบริบท ระบุรับข้อเสนอแนะถึง 20 ส.ค. นี้ เผยไม่ได้คุยเรื่องข้อเสนอยุบ สมศ. ชี้ยุบ สมศ. ไม่ได้คืนความสุขให้ครูอาจารย์

วันนี้ (4 ส.ค.) ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งกำกับดูแล สมศ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ได้รายงานผลการดำเนินงานของ สมศ. ในไตรมาสที่ 3 และภาพรวมการประเมินสถานศึกษาในรอบที่ 3 ซึ่งขณะนี้ทั้งระดับอุดมศึกษา อาชีวศึกษา และการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ทำการประเมินไปแล้วกว่า 90% ยกเว้นศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เพิ่งประเมินไปได้เพียง 20% เนื่องจากเพิ่งได้รับงบประมาณในปี พ.ศ. 2556 และคาดว่าจะบรรลุตามเป้าหมายภายในสิ้นปีงบประมาณ 2557 นี้ นอกจากนั้น ตนยังได้ชี้แจงร่างตัวบ่งชี้ การประเมินรอบ 4 ที่จะใช้ประเมินสถานศึกษาตั้งแต่พ.ศ. 2559 - 2563 โดยชี้ให้เห็นว่า ตัวบ่งชี้ของ สมศ. ยึดตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และกฎกระทรวงว่าด้วยระบบหลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา และพันธกิจของมหาวิทยาลัย ซึ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ สมศ. นำมาพัฒนาตัวบ่งชี้ โดยนำมาวิจัยและวิเคราะห์ร่วมกับผลการประเมินตั้งแต่รอบ 1 - 3 ตามหลักสากล
ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์
ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ โดยหลักการประเมินจะประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ คือ คุณภาพศิษย์ คุณภาพครู ธรรมาภิบาลและการบริหาร ความสัมพันธ์สังคมชุมชน อัตลักษณ์ และมาตรการส่งเสริม ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ สนใจและขอให้เน้นอัตลักษณ์เอกลักษณ์ให้ชัดเจน อาทิ คุณสมบัติของศิษย์ ที่ควรจะต้องเป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม ที่ควรจะต้องส่งเสริมให้มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในทุกระดับ โดยครูควรจะเป็นต้นแบบและสอนให้เด็กเป็นไปตามที่คาดหวัง ส่วนของเอกลักษณ์ หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ก็เน้นว่าจริงๆ แล้วมหาวิทยาลัยควรจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มากกว่าที่จะเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในทุกสาขา ดังนั้น จึงน่าจะตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามหาวิทยาลัยไหน มีความเชี่ยวชาญด้านใด ขณะเดียวกัน สมศ. ยังเดินหน้าพัฒนาผู้ประเมินให้มีคุณภาพ และให้ตรงตามสาขาวิชาชีพมากขึ้น โดยมีการประเมินการทำงานของผู้ประเมินด้วย

ส่วนกรณีที่ คสช. สั่งชะลอตัวบ่งชี้รอบ 4 ไปนั้น สมศ. ก็เห็นชอบกับคำสั่งของคสช. ที่ชะลอการประกาศตัวบ่งชี้การประเมินรอบ 4 ระดับอุดมศึกษาไปจนกว่าจะได้รัฐบาล และเสนอตัวบ่งชี้ดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ก่อนประกาศใช้ต่อไป แต่จริงๆ ขณะนี้ สมศ. ก็ยังเปิดรับข้อวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ จนถึงวันที่ 20 สิงหาคม เพื่อจะได้สรุปประเด็นต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สมศ. ในวันที่ 26 สิงหาคม ส่วนที่มหาวิทยาลัยต่างๆ เรียกร้องให้ประเมินตามบริบทของมหาวิทยาลัยนั้น สมศ. ยินดี และขอให้มหาวิทยาลัยทั้ง 4 กลุ่ม คือที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ (ทอมก.) และสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) เสนอประเภทของมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งระบุว่ามหาวิทยาลัยใดจะอยู่ในประเภทไหน และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ในฐานะที่กำกับดูแลเห็นชอบ โดย สมศ. จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหาร สมศ. ในคราวเดียวกัน” ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าว

ผอ.สมศ. กล่าวต่อว่า ในส่วนสถาบันอาชีวศึกษาเอกชน และสถาบันการอาชีวศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญาตรี ขอให้ชะลอการประเมินรอบที่ 4 ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมนั้น ในส่วนสถาบันอาชีวศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญาตรี คงไม่น่าห่วง เพราะตัวบ่งชี้ยังไม่เสร็จสิ้น ปกติเวลาทำตัวบ่งชี้ สมศ. จะทำตัวหลักๆ ในส่วนของอุดมฯ อาชีวศึกษา และการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกนั้นให้ใช้มาตรการเทียบเคียง ซึ่งปลายเดือนนี้จะหารือในส่วนของมาตรการเทียบเคียง ในส่วนของอาชีวศึกษาเอกชน คงต้องมาดูว่าประเด็นปัญหาที่ให้ชะลอจริงๆ คืออะไร สิ่งเหล่านี้พูดออกมาด้วยอารมณ์ไม่ได้ สมศ. ต้องดูแลคุ้มครอบผู้บริโภคให้นักเรียนผู้ปกครองได้รับบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพ ดังนั้น แทนที่จะชะลอให้ช้าควรจะเร่งให้เร็วขึ้นมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตามที่มีผู้เสนอให้ยุบ สมศ. นั้น ไม่ได้มีการพูดคุยแต่หากจะบอกว่าให้ยุบ สมศ. แล้วเป็นการคืนความสุขให้ครูอาจารย์ คงเป็นการมองด้านเดียว โดยปัจจุบัน การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น ยืนยันว่า สมศ. ยังคงเดินหน้าทำหน้าที่ตามบทบาทที่กฎหมายกำหนดต่อไป
 

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น