xs
xsm
sm
md
lg

ฝากถึงพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นซูเปอร์สตาร์ / ดร.แพง ชินพงศ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยเรามีเวทีประกวดแข่งขันสำหรับเด็กๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันร้องเพลง เต้นรำ แสดงความสามารถพิเศษ หรือประกวดความสวยความงาม ซึ่งมีตั้งแต่เวทีระดับโรงเรียน ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับภาค ไปจนถึงระดับประเทศ แล้วก็ยังมีการประกวดแข่งขันผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆ อีกมากมายจนนับไม่หวาด ไม่ไหวด้วยเช่นกัน โดยผู้ชนะการประกวดแข่งขันนั้นนอกจากจะได้รับรางวัลเป็นเงินหรือเป็นของมีค่าต่างๆ แล้ว ยังอาจมีโอกาสก้าวเข้าไปอยู่ในวงการบันเทิง ซึ่งเหมือนเป็นการเปิดประตูไปสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ นักร้อง นายแบบ นางแบบ ดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงต่อไปในอนาคต จึงมีพ่อแม่หลายคนที่ใฝ่ฝันอยากจะให้ลูกไปถึงจุดหมายนั้นให้ได้ จึงทำให้เกิดมหกรรมทั้งปลุกทั้งปั้นและผลักดันลูกกันชนิดที่ว่าไม่ได้หยุด ไม่ได้หย่อนกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การที่จะสนับสนุนให้ลูกได้ทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดเลย แต่ควรคำนึงถึงหัวอกของลูกเป็นสำคัญว่าลูกอยากทำเช่นนั้นหรือไม่ด้วย ผู้เขียนจึงมีสิ่งที่อยากจะฝากเป็นข้อคิดสำหรับพ่อแม่ทุกคนที่อยากให้ลูก เป็นซุปเปอร์สตาร์ ดังนี้
ภาพประกอบ www.globalfashionreport.com
1. เด็กต้องมีใจรักและมีพรสวรรค์ ถือว่าเป็นประการแรกสุดที่สำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะการที่จะสนับสนุนลูกให้เป็นซูเปอร์สตาร์นั้น เด็กต้องมีใจรักและมีพรสวรรค์ในการแสดงออก โดยคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุดสามารถสังเกตได้ง่ายๆ เช่น ในด้านการร้องเพลงนั้น ลูกต้องพรสววรค์โดยมีเสียงร้องเพลงที่ไพเราะ ไม่ผิดเพี้ยนคีย์และชอบร้องเพลงตลอดเวลา ในด้านการเต้นรำ ลูกสามารถจดจำท่าเต้นของนักร้องนักเต้นและเต้นตามได้อย่างรวดเร็ว ถูกจังหวะ สวยงาม ทั้งยังสามารถคิดท่าเต้นเองได้ด้วย ในด้านการเล่นดนตรี ลูกต้องสามารถเคาะหรือเล่นเครื่องดนตรีตามจังหวะและทำนองได้อย่างไม่ผิด เพี้ยน เหล่านี้คือเรื่องสำคัญมาก เพราะหากเด็กขาดใจรักและพรสวรรค์แล้ว เขาจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรและมีความทุกข์ที่ต้องทำ ดังนั้น การจะก้าวไปสู่ความเป็นซุปเปอร์สตาร์ก็คงเกิดขึ้นได้ยาก

2.พัฒนาศักยภาพ อย่างเข้าใจธรรมชาติของเด็ก เมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นแววว่าลูกมีความสามารถทางการแสดงต่างๆ เช่น ร้องเพลง เล่นดนตรี เต้นรำ รำไทย เล่นละคร ก็อาจสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้ในศาสตร์นี้โดยตรงเลยก็ได้ โดยให้ลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่สอนทางด้านนี้อย่างจริงจัง หรือเลือกสาขาเอก สาขาโทที่สอนทางด้านนี้โดยเฉพาะ หรือเรียนเสริมเพิ่มเติมในเวลาว่างก็ดีทั้งนั้น เพราะครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนี้จะช่วยฝึกฝนให้เด็กๆ ได้พัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ในตัวมากขึ้นและเก่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องพึงระวังที่จะไม่ให้การฝึกฝนนั้น ทำให้เด็กเกิดความเครียดมากกว่าความสุข เช่น มีการเปรียบเทียบความสามารถของเด็กๆ ในชั้นเรียนว่าคนนั้นร้องเพลงเก่งกว่าคนนี้ คนนี้เต้นได้สวยกว่าคนโน้น โดยเฉพาะเด็กในวัย 3 - 6 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยของการพัฒนา self esteem (คุณค่าในตัวเอง) เมื่อเด็กถูกเปรียบเทียบว่ามีความสามารถน้อยกว่าหรือไม่เก่ง ก็จะเกิดความไม่มั่นใจในตนเอง ทำให้ไม่รู้จักคุณค่าในตนเอง รู้สึกมีปมด้อย น้อยใจ ลังเล ขี้อาย จนกลายเป็นไม่อยากจะแสดงออกอีกเลย

3. สนับสนุนและเสริมแรง แต่ไม่กดดัน เมื่อคุณพ่อคุณแม่เปิดโอกาสให้ลูกได้ไปเรียนฝึกฝนพัฒนาความสามารถในด้านการแสดงต่างๆ ที่ลูกชอบแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยอยู่เบื้องหลังเพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจลูก โดยมีเป้าหมายในการเสริมแรงให้ลูกได้มีพื้นฐานที่ดีในด้านการร้องเพลง เต้นรำ เล่นดนตรี หรือการแสดงความสามารถด้านการแสดงเป็นหลักมากกว่าการผลักให้ลูกออกไปสู่เวทีประกวดต่างๆ หากลูกพร้อมแล้วก็ดีไป แต่หากลูกไม่พร้อมก็จะเป็นการสร้างความทุกข์ให้กับลูกเสียเปล่าๆ เพราะแท้จริงแล้ว การร้องเพลง เต้นรำ เล่นดนตรีนั้นเป็นสุนทรียศาสตร์ที่ต้องอาศัยอารมณ์ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น หากเด็กๆเกิดความเครียดและความกดดันก็จะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ขาดความสุข ซึ่งส่งผลให้มีการแสดงออกทางสุนทรียศาสตร์นั้นออกมาไม่ดีเท่าที่ควร

4. อย่าตั้งเป้าหมายกับลูกมากเกินไป เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญทั้งกับตัวพ่อแม่และลูกเลยทีเดียว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรสร้างภาระใจให้กับลูกว่าเมื่อเรียนร้องเพลงแล้วต้องไป แข่งขันประกวดและกดดันว่าลูกต้องเข้ารอบ หรือได้รางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้าน ซึ่งถ้าลูกชนะการแข่งขันได้รางวัลก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเกิดลูกพลาดหวัง ก็จะทำให้ลูกเกิดความเสียใจและทัอแท้ คิดว่าตัวเองด้อยความสามารถ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อย่าตั้งความหวังกับลูกสูงเกินไป แต่ให้ลูกๆ ได้ค่อยๆ เรียนรู้ ฝึกฝนและทำในสิ่งที่เขารักเขาชอบไปเรื่อยๆ จะดีกว่า เมื่อลูกคิดว่าตนเองพร้อมแล้ว เขาจะออกไปหาเวทีแสดงความสามารถเอง นั่นแหละดีที่สุดแล้ว และหากลูกพลาดหวังก็อย่าไปดุด่าหรือพูดให้ลูกรู้สึกเสียใจอับอาย แต่ควรบอกว่าไม่เป็นไรและให้กำลังใจลูกต่อไป

ผู้เขียนรู้จักครอบครัวหนึ่งที่มีลูกสาวคนเดียว ลูกสาวของครอบครัวนี้หน้าตาน่ารัก มีความสามารถ ทั้งในการร้องเพลงและเต้นรำ เมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกมีใจรักและความสามารถทางด้านนี้ก็สนับสนุน และผลักดันด้วยการส่งลูกสาวไปเข้าโรงเรียนฝึกฝนทางด้านนี้อย่างจริงจังตั้งแต่เด็กๆ อีกทั้งส่งไปแข่งขันยังเวทีต่างๆ ซึ่งก็กวาดรางวัลมาแทบจะทุกเวที ชีวิตของครอบครัวนี้วนเวียนอยู่กับการแข่งขัน และการประกวดจนลูกสาวเรียนในระดับมหาวิทยาลัย หากใครไปเยี่ยมครอบครัวนี้ก็จะเห็นว่าที่บ้านมีแต่ถ้วยรางวัล โล่ เหรียญ จากการประกวดของลูกสาวบ้านนี้เต็มไปหมด จนในที่สุดลูกสาวก็ได้มีโอกาสเซ็นสัญญาเป็นนักร้องนักแสดงในสังกัดค่ายแห่งหนึ่ง และตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าสู่วงการแสดงอย่างเต็มตัว โดยได้เล่นละครทีวีหลายเรื่อง บทบาทที่เด่นที่สุดของการแสดงคือเป็นเพื่อนนางเอก แต่ไม่เคยได้รับบทบาทเป็นนางเอกเลย ซึ่งทำให้ทั้งพ่อแม่และตัวของเด็กเองเกิดความผิดหวังว่าทำไมการที่อุตส่าห์ ทุ่มเทมาตั้งแต่เล็กๆ เพื่อจะได้โด่งดังเป็นซูเปอร์สตาร์มันไปไม่ถึงดวงดาวสักที ในที่สุดหลายปีผ่านไป มีดาราหน้าใหม่ๆเกิดขึ้นในวงการมากมาย เด็กสาวคนนึ้จึงไม่มีงานและเมื่อหมดสัญญากับค่ายการแสดงนั้นก็ไม่มีการต่อสัญญาอีก ปัจจุบันเด็กสาวคนนี้ทำธุรกิจส่วนตัวและไม่ได้กลับมาสู่วงการบันเทิงอีก นี่คือชีวิตจริงของเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความสามารถทางการแสดงและใฝ่ฝันอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ ที่แม้เส้นทางชีวิตจะได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อคุณแม่มาตลอดแต่ก็ยังไปไม่ถึงความใฝ่ฝันนั้นจนในที่สุดต้องหยุดความฝันนั้นไว้และเดินจากมันไป

ผู้เขียนจึงอยากจะฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกเป็นซูเปอร์สตาร์ว่า หนทางที่เด็กจะก้าวไปสู่ความเป็นซูเปอร์สตาร์นั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถ และการสนับสนุนของพ่อแม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่เป็นตัวผลักดันด้วย จึงอย่ามุ่งหวังเพียงแต่ว่าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายเท่านั้น หากไม่ถึงเป้าหมายคือความล้มเหลว หากคิดเช่นนี้เกรงว่าเมื่อไม่สมหวังก็จะท้อแท้และล้มลงกลางทาง และการทำเช่นนี้จะมีความสุขอย่างไร ดังนั้น แค่สนับสนุนให้ลูกได้ทำสิ่งในที่เขารักเขาชอบคอยเป็นกำลังใจให้เขา คอยอยู่เคียงข้างเขา และเสริมเรี่ยวแรงให้เขาเมื่อเขาเหนื่อยล้า ทำทุกอย่างด้วยความสุขแล้วความสำเร็จในแบบที่เราพอใจจะตามมาเอง
 
 
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น