xs
xsm
sm
md
lg

ห่วงป่วยมือเท้าปากพุ่งไม่หยุดถึง ก.ย.พบแล้ว 3.4 หมื่นราย ประสานครูตรวจเข้มก่อนเรียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มือเท้าปากป่วยต่อเนื่องแล้ว 3.4 หมื่นราย ยังไร้เด็กเสียชีวิต พบส่วนใหญ่ป่วยในเด็ก 1 - 3 ขวบ ทั้งเด็กไทย และต่างด้าว ห่วงแนวโน้มพุ่งขึ้นถึง ก.ย. สั่งคุมโรคเข้ม ประสาน ร.ร. ศูนย์เด็กเล็กตรวจไข้เด็ก

วันนี้ (24 ก.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ โรคมือ เท้า ปาก มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ก.ค.- ก.ย. จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค (คร.) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 20 ก.ค. พบผู้ป่วยทุกจังหวัดรวม 34,834 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 1 - 3 ปี ทั้งเด็กไทย และเด็กในครอบครัวแรงงานต่างด้าว จังหวัดที่มีอัตราผู้ป่วยต่อแสนประชากรสูง 5 อันดับแรก คือ ตราด ระยอง เชียงราย ประจวบคีรีขันธ์ และ จันทบุรี ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด โรงพยาบาลทุกแห่ง เฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปากในพื้นที่ แจ้งเตือนผู้ปกครองให้ดูแลป้องกันโรค เช่น การดูแลความสะอาดเครื่องเล่น ล้างมือฟอกสบู่ให้เด็กบ่อยๆ เป็นต้น และประสานความร่วมมือหน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น อบต. ผู้บริหารโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งมีเด็กเล็กอยู่รวมกันจำนวนมาก ให้ครูตรวจไข้เด็กตอนเช้าทุกวัน หากพบมีไข้ มีตุ่มใสขึ้นตามมือ ในปาก ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคมือ เท้า ปาก ให้เด็กหยุดเรียนและพักที่บ้านจนกว่าจะหายป่วย พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อควบคุมป้องกันโรคไม่ให้แพร่ระบาดติดเด็กอื่น

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. กล่าวว่า โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส โดยเชื้อติดมากับมือที่สัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย น้ำในตุ่มพอง หรือแผล และอุจจาระของผู้ป่วย ในเด็กเล็กมักจะมีไข้และมีตุ่มพองเกิดขึ้นในปาก ฝ่ามือ หรือผิวหนัง เมื่อป่วยแล้วส่วนใหญ่อาการจะหายได้เองภายใน 7 - 10 วัน โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียารักษาเฉพาะ การรักษาจะเน้นเพื่อบรรเทาอาการ เช่น การใช้ยาลดไข้ ยาทาแก้ปวดแผลที่ลิ้น และกระพุ้งแก้ม ผู้ดูแลเด็กควรเช็ดตัวลดไข้เป็นระยะ และให้เด็กรับประทานอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด ดื่มน้ำ น้ำผลไม้เย็นๆ หรือไอศกรีม และนอนพักผ่อนมากๆ ถ้าเป็นเด็กอ่อนอาจต้องป้อนนมให้แทนการดูดนม เพื่อลดการปวดแผลในปาก อย่างไรก็ตาม แม้โรคนี้ป่วยแล้วสามารถหายได้เอง แต่มีผู้ป่วยบางราย ซึ่งเป็นส่วนน้อยที่มีอาการรุนแรง มีการติดเชื้อเข้าสู่สมองและเสียชีวิตได้ ดังนั้น จึงขอให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ครูพี่เลี้ยง หมั่นสังเกตอาการของเด็กที่ป่วยโรคมือเท้าปาก หากป่วย 2 - 3 วันแล้ว อาการแย่ลงคือไข้สูงขึ้น และมีอาการเหม่อตาลอย ผวา ชัก หรือซึมลง ขอให้รีบพาไปพบแพทย์ด่วน

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า  วิธีลดการเจ็บป่วยโรคมือเท้าปากที่ดีที่สุดคือการป้องกัน โดยการรักษาความสะอาดร่างกาย ตัดเล็บให้สั้น หมั่นล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการขับถ่ายและก่อนรับประทานอาหาร รวมทั้งใช้ช้อนกลางและไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน ถ้าพบว่ามีเด็กในโรงเรียนอนุบาล ศูนย์เด็กเล็ก หรือสถานรับเลี้ยงเด็กป่วยด้วยโรคมือเท้าปาก ต้องแยกเด็กป่วยออกจากกลุ่มเพื่อน และให้เด็กพักที่บ้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และให้ทำความสะอาดพื้น ห้องน้ำ สุขา เครื่องใช้ ของเล่น สนามเด็กเล่นที่โรงเรียน ตลอดจนเสื้อผ้าที่อาจปนเปื้อนเชื้อ โดยอาจใช้น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนผสมกับน้ำ 30 ส่วน ทำความสะอาดสถานที่ที่อาจเป็นจุดแพร่โรคได้ เช่น สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำ เครื่องเล่นในห้างสรรพสินค้า สำหรับโรงเรียนหรือศูนย์เด็กเล็กหากในห้องเรียนพบเด็กป่วยในเวลาไล่เลี่ยกันมากกว่า 2 คน ขอให้พิจารณาปิดเรียนและทำความสะอาด เพื่อควบคุมป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาด

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่




กำลังโหลดความคิดเห็น