กรมควบคุมโรค เผย สธ. จัดทำร่างกฎหมายห้ามขาย ห้ามดื่มเหล้าบนรถไฟและสถานีรถไฟเสร็จแล้ว เตรียมเสนอที่ประชุม คกก. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนเสนอ คสช. หวังมีผลบังคับใช้โดยเร็ว หลังพบคนไทยดื่มสุรามากถึง 17 ล้านคน
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมเสนอกฎหมายห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนรถไฟ และสถานีรถไฟ เพื่อป้องกันปัญหาเมาสุราแล้วเกิดอุบัติเหตุ อาชญากร ล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำร่างกฎหมายเสร็จสมบูรณ์แล้ว เตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อลงนามและประกาศใช้บังคับโดยเร็วที่สุด โดยร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ เป็นประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกําหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางรถไฟ พ.ศ. …สาระสำคัญคือ ห้ามผู้ใดขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในบริเวณสถานีรถไฟ หรือในขบวนรถที่อยู่บนทางรถไฟ โดยหลังจากที่นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ลงนามประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีผลบังคับใช้ต่อไป หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดี คร. กล่าวว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชนไทยอยู่ในเกณฑ์น่าห่วง ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2554 ในกลุ่มประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศมี 53.9 ล้านคน พบผู้ดื่มสุรา 17 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 31.5 กล่าวได้ว่าในประชาชนวัยนี้ในทุก 3 คน จะมีคนดื่มสุรา 1 คน โดยผู้ชายมีอัตราดื่มสูงกว่าผู้หญิง 5 เท่าตัว อายุเฉลี่ยที่เริ่มดื่มคือ 20.3 ปี ผู้ชายเริ่มดื่มอายุเฉลี่ย 19.4 ปี ส่วนผู้หญิง 24.9 ปี และในครัวเรือนที่สมาชิกดื่มสุรา มีปัญหาการใช้ความรุนแรงหรือความสัมพันธ์ในครัวเรือนร้อยละ 36.6 รองลงมามีปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ได้รับบาดเจ็บ และการใช้ความรุนแรงกับคนนอกครัวเรือน
นพ.นพพร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้มีกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ 9 ประเภท ได้แก่ 1. วัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา 2.สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สถานพยาบาลหรือร้านขายยา 3.สถานที่ราชการ ยกเว้นบริเวณที่จัดไว้เป็นร้านค้าหรือสโมสร 4. หอพัก 5. สถานศึกษา 6. สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือร้านค้าในบริเวณสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิง 7. สวนสาธารณะของทางราชการที่จัดไว้เพื่อการพักผ่อนของประชาชนโดยทั่วไป 8. รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ ยกเว้นร้านค้าหรือสโมสร และ 9. พื้นที่ประกอบกิจการโรงงาน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมเสนอกฎหมายห้ามขายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนรถไฟ และสถานีรถไฟ เพื่อป้องกันปัญหาเมาสุราแล้วเกิดอุบัติเหตุ อาชญากร ล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำร่างกฎหมายเสร็จสมบูรณ์แล้ว เตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อลงนามและประกาศใช้บังคับโดยเร็วที่สุด โดยร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ เป็นประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกําหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางรถไฟ พ.ศ. …สาระสำคัญคือ ห้ามผู้ใดขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในบริเวณสถานีรถไฟ หรือในขบวนรถที่อยู่บนทางรถไฟ โดยหลังจากที่นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ลงนามประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีผลบังคับใช้ต่อไป หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดี คร. กล่าวว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชนไทยอยู่ในเกณฑ์น่าห่วง ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2554 ในกลุ่มประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศมี 53.9 ล้านคน พบผู้ดื่มสุรา 17 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 31.5 กล่าวได้ว่าในประชาชนวัยนี้ในทุก 3 คน จะมีคนดื่มสุรา 1 คน โดยผู้ชายมีอัตราดื่มสูงกว่าผู้หญิง 5 เท่าตัว อายุเฉลี่ยที่เริ่มดื่มคือ 20.3 ปี ผู้ชายเริ่มดื่มอายุเฉลี่ย 19.4 ปี ส่วนผู้หญิง 24.9 ปี และในครัวเรือนที่สมาชิกดื่มสุรา มีปัญหาการใช้ความรุนแรงหรือความสัมพันธ์ในครัวเรือนร้อยละ 36.6 รองลงมามีปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ได้รับบาดเจ็บ และการใช้ความรุนแรงกับคนนอกครัวเรือน
นพ.นพพร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้มีกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ 9 ประเภท ได้แก่ 1. วัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา 2.สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สถานพยาบาลหรือร้านขายยา 3.สถานที่ราชการ ยกเว้นบริเวณที่จัดไว้เป็นร้านค้าหรือสโมสร 4. หอพัก 5. สถานศึกษา 6. สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือร้านค้าในบริเวณสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิง 7. สวนสาธารณะของทางราชการที่จัดไว้เพื่อการพักผ่อนของประชาชนโดยทั่วไป 8. รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ ยกเว้นร้านค้าหรือสโมสร และ 9. พื้นที่ประกอบกิจการโรงงาน
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่