xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองเรื่องการพนัน (เตือนผีพนันรับมหกรรมบอลโลก) ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

  
โดย...กำพล  นิรวรรณ
 
 
หมายเหตุผู้เขียน : มหกรรมบอลโลกเวียนมาบรรจบครบรอบอีกคำรบ ท่ามกลางการรอคอยอย่างงุ่นง่านของบรรดาผีพนัน นัยว่างานนี้จะมีเงินหมุนเวียนเปลี่ยนมือกันเป็นหมื่นๆ ล้านบาท แต่ที่แน่ๆ กว่างานจะปิดฉากผีหลายตนคงจะสิ้นเนื้อประดาตัวเหลือแต่ไอ้จ้อน จึงขอนำเรื่องเล่า “การเมืองเรื่องการพนัน” ที่ผมเรียบเรียงเอาไว้เมื่อปี 2007 ตอนบีบีซีไทยเพิ่งปิดตัวลงใหม่ๆ มาให้อ่านกันเป็นแง่คิด ขณะนั้นรัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของ นายโทนี่ แบลร์ กำลังผลักดันกฎหมายฉบับใหม่เพื่อเปิดเสรีธุรกิจการพนัน เป็นข้อเขียนที่ค่อนข้างยาว จึงต้องตัดมาลงเป็นตอนๆ ช่วยกันอ่าน และออกความคิดเห็นครับว่า เราควรจะมองการพนัน
 
ภาพจากอินเทอร์เน็ต
 
ดังที่ได้ทิ้งท้ายเอาไว้ในตอนที่แล้วว่า ในอังกฤษนั้นปัจจุบันแม้แต่สถาบันศาสนาก็ยอมยกธงขาวไปเรียบร้อยแล้ว ในการต่อสู้กับอบายมุขประเภทการพนัน จึงตกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่ผู้เดียว ที่จะต้องหามาตรการมารับมือต่อปัญหานี้ แต่ไปๆ มาๆ วิธีจัดการของเขาก็หนีไม่ระบบทุนนิยม นั่นคือ
 
ออกกฎหมายมาเปิดเสรีการพนัน ปูทางให้อุตสาหกรรมการพนันได้แข่งขันกันเต็มที่ เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติกฎหมายการพนันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปีเลยทีเดียว

นาย Richard Caborn รัฐมนตรีกีฬาของอังกฤษบอกว่า เหตุที่ต้องผลักดันกฎหมายฉบับใหม่ออกมาใช้แทนฉบับเก่า ก็เพราะฉบับเก่าที่ใช้มาร่วม 40 ปีแล้วนั้น เงื่อนไขข้อบังคับต่างๆ ล้าสมัยหมดแล้ว ขณะที่อุตสาหกรรมการพนันพัฒนาไปไกลลิบ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องไล่ให้ทัน ก็เลยมอบหมายให้คณะทำงานชุดพิเศษร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ขึ้นมา โดยยึดแนวทางในการจัดทำ 3 ข้อใหญ่ๆ ดังที่ได้เรียนไปแล้วนั่นละครับคือ :

1.ปกป้องกลุ่มคนที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของการพนันได้ง่าย โดยเฉพาะเยาวชน

2.เพื่อป้องกันไม่ให้มีการก่ออาชญากรรมโดยอาศัยการพนันเป็นฉากบังหน้า

3.เพื่อให้การพนันดำเนินไปอย่างเปิดเผย และเป็นไปตามกติกา

รัฐมนตรีผู้นี้บอกว่า สรุปแล้วก็คือ เป็นการนำเอาหลักธรรมาภิบาลเข้ามาจัดการกับปัญหาการพนัน แหม ภาษาของนักการเมืองนี่ฟังดูทีก็รื่นหูดีนะครับ แต่ฟังอีกทีมันทะแม่งๆ เปิดเสรีการพนันเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลว่าไปนั่น แต่ก็นั่นละครับ สังคมใครก็สังคมมัน สังคมอังกฤษเขาบูชาลัทธิเสรีนิยม ถือว่าเสรีภาพส่วนบุคคลเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น การแก้กฎหมายใดๆ มันก็มีทิศทางบังคับอยู่ในตัว คือถ้าไปเพิ่มมาตรการให้เคร่งครัดขึ้นกว่าเดิม ก็จะเกิดกระแสคัดค้านอย่างรุนแรง เพราะเขาถือว่ามันเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลของเขา
 
ในทางตรงข้าม ถ้าแก้ให้มาตรการผ่อนคลายลง แม้จะมีเสียงคัดค้านบ้างในช่วงแรก มันก็จะแผ่วหายไปในที่สุด แล้วอีกอย่างการพนันกับสังคมอังกฤษนั้นอยู่คู่กันอย่างเปิดเผยมานาน ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าในทุกๆ 4 คนบนเกาะอังกฤษ จะมีคนเล่นพนันอย่างน้อยปีละครั้งถึง 3 คน
 
เพราะฉะนั้น อย่าได้แปลกใจเลยครับที่แม้แต่ Winston Churchill อดีตนายกรัฐมนตรีที่นำประเทศสู้กับนาซีเยอรมัน สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ก็เป็นนักพนันตัวฉกาจ แม้เจ้าตัวจะเคยลั่นวาทะอมตะว่า การพนันคือความชั่วร้ายก็ตาม โดยเฉพาะตอนอายุ 55 หลังลงจากเก้ารัฐมนตรีคลังได้ไม่นานแกก็เล่นเสียจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ทำเอาลูกเมียต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย

ดังนั้น เมื่อพื้นฐานสังคมเป็นเช่นนี้ เมื่ออุดมการณ์ของสังคมตั้งอยู่บนพื้นฐานของลัทธิเสรีนิยม การแก้กฎหมายก็เลยเหมือนถูกบังคับอยู่ในทีให้ต้องแก้เพื่อเอาใจคนในสังคม

นักวิชาการชื่อดังคนหนึ่งที่รัฐบาลของนายโทนี่ แบลร์ แต่งตั้งให้เข้าไปนั่งในคณะกรรมการศึกษาหาแนวทางแก้ไขกฎหมายการพนัน คือ อาจารย์ Jo Wolf แกบอกว่า ถ้าย้อนกลับไปมองสังคมอังกฤษเมื่อห้าสิบปีก่อน ก็จะพบว่า คนอังกฤษมีการลักลอบเล่นการพนันกันมาก เพราะตอนนั้นกฎหมายอนุญาตให้เล่นได้เฉพาะการแข่งขันประเภทลู่เท่านั้น เช่น แข่งม้า แข่งสุนัข อะไรพวกนี้
 
ทำให้คอพนันที่อยากเล่นเกมชนิดอื่นไม่มีทางออก ก็เลยใช้วิธีลักลอบเล่นกัน แม้จะรู้ว่าผิดกฎหมายก็ยอมเสี่ยง เพราะรัฐเองก็ถือว่าการพนันเป็นแค่ความผิดสถานเบา
 
อาจารย์โจ บอกว่า ตอนนั้นสถิติของคนอังกฤษที่ลักลอบเล่นการพนันกันเป็นประจำนั้น มีถึงหนึ่งในสี่ของประชากร พูดง่ายๆ ก็คือ ในทุกๆ สี่คนจะต้องมีคนที่ลักลอบเล่นการพนันเป็นประจำเสียหนึ่งคน
 
แกบอกว่าในเมื่อมีคนลักลอบเล่นการพนันกันทั้งบ้านทั้งเมือง โดยที่กฎหมายทำอะไรไม่ได้ ก็เท่ากับว่ากฎหมายฉบับที่ใช้อยู่ตอนนั้นมีปัญหา กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ อังกฤษเขาถือกฎหมายเป็นใหญ่ครับ ใครทำผิดจะต้องได้รับโทษตามความผิดนั้น ฉะนั้นในเมื่อกฎหมายขาดความศักดิ์สิทธิ์ ก็จำเป็นต้องมีการทบทวน ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้จริง

อาจารย์ผู้นี้บอกว่า ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญ เราต้องจดจำไว้เป็นบทเรียน มิฉะนั้นเราก็จะทำผิดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีที่สิ้นสุด แกบอกว่า คนเราส่วนใหญ่มักจะคิดว่าพอเกิดปัญหาอะไรขึ้น เมื่อออกกฎหมายมาแล้วก็จะแก้ปัญหานั้นได้ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเสมอไป
 
ภาพจากอินเทอร์เน็ต
 
แกบอกว่า ปัญหาจะหมดไปได้ก็ต่อเมื่อคนยอมทำตามกฎหมาย แต่ถ้าออกกฎหมายมาแล้วคนไม่ยอมทำตาม ก็เท่ากับว่าสังคมต้องแบกปัญหาทีเดียวสองต่อ ปัญหาหนึ่งคือ กฎหมายไม่มีน้ำยา อีกปัญหาคือ คนทำผิดได้โดยไม่ต้องรับโทษ

แต่นั่นละครับ มีคนไม่น้อยที่แสดงความปริวิตกว่า การออกกฎหมายฉบับใหม่เพื่อเปิดเสรีด้านการพนันตามอย่างอเมริกานั้น จะเปิดทางโล่งโจ้งให้กลุ่มธุรกิจการพนันขนาดใหญ่แห่เข้าไปสร้างซูเปอร์กาสิโนแบบในลาสเวกัสในบ้านเมืองของเขา และก็จะทำให้คนอังกฤษติดการพนันกันงอมแงมหนักขึ้น

 
เพราะเจ้าซูเปอร์กาสิโนพวกนี้มันมีโลกียปัจจัยให้เสพพร้อมทุกอย่าง เรียกว่าพอเหยียบย่างเข้าไป ท่านก็จะได้สัมผัสกับความหรูหราตระการตา แต่ตั้งแต่ก้าวแรกเลยทีเดียว ก้มลงไปดูพื้นส่วนที่ไม่ใช่พรมก็จะเป็นหินอ่อนสวยงาม ที่เป็นพรมก็จะเป็นพรมหนานุ่มชนิดเหยียบลงไปแต่ละก้าวเนี่ยจมเท้าเลย
 
อุปกรณ์การพนันก็มีให้เลือกเล่นสารพัดสารพันครบครันทุกชนิด แถมยังมีการแสดงบันเทิงหลากหลายรูปแบบ มีอาหารแพงๆ ให้ลิ้มลอง มีไนต์คลับให้เข้าไปดื่มกินและเต้นรำ และยังมีอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ที่แม้แต่กาสิโนดีๆ ในนครลอนดอนก็ยังไม่เคยมี

ท่านที่เคยชมภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ มาแล้วคงนึกภาพออกนะครับว่า กาสิโนพวกนี้บรรยากาศข้างในหรูหราตระการตาแค่ไหน มันเหมือนกับสโมสรของคนชั้นสูงอะไรแบบนั้น คือ พนักงานที่เป็นชายก็ล้วนสุดหล่อ แต่งตัวโก้หรู สวมชุดทักซิโดผูกหูกระต่ายเป็นที่ชม้ายชาตามองของขาพนันหญิงๆ พนักงานที่เป็นหญิงก็ล้วนสุดสวย แต่งตัววาบหวิว ขาพนันชายเข้าไปแล้วนอกจากจะได้เล่นพนันกันให้เต็มอิ่มก็ยังได้ดูสาวๆ เหล่านี้เป็นอาหารตาไปด้วย
 
สรุปแล้วมันคือ แดนโลกีย์ที่เข้าง่ายออกยาก โดยเฉพาะสำหรับพวกที่ชอบเสพอบายมุขเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่ละครับ ซูเปอร์กาสิโนพวกนี้ละครับที่จะแห่เข้าไปบุกอังกฤษ หลังจากกฎหมายพนันฉบับใหม่ของอังกฤษมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
 
พวกที่ร่วมกันผลักดันกฎหมายฉบับนี้เขามีข้ออ้างน่าฟังครับ คือ เขาบอกว่า รัฐบาลสามารถจะนำรายได้จากการพนันไปยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนยากคนจนได้ อย่างเช่นซูเปอร์กาสิโนเนี่ย ถ้าออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการไปเปิดในพื้นที่ยากจน ก็จะช่วยสร้างงานให้แก่คนในพื้นที่ได้ 
 
เช่นเดียวกับโครงการเมืองโอลิมปิกที่กำลังสร้างกันอยู่ในย่าน East End ทางฟากตะวันออกของกรุงลอนดอน ก็อย่างที่ทราบๆ กันนะครับว่า ลอนดอน ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่จะมีขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้า รัฐบาลก็เลยเอาโครงการนี้ไปลงในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นย่านเสื่อมโทรม โดยจัดสรรงบที่ได้จากกำไรจากสลากกินแบ่งไปใช้ในโครงการ
 
ภาพจากอินเทอร์เน็ต
 
อ่านบทความเกี่ยวเนื่อง
 
- การเมืองเรื่องการพนัน (เตือนผีพนันรับมหกรรมบอลโลก) ตอนที่ 1
- การเมืองเรื่องการพนัน (เตือนผีพนันรับมหกรรมบอลโลก) ตอนที่ 2
- การเมืองเรื่องการพนัน (เตือนผีพนันรับมหกรรมบอลโลก) ตอนที่ 3
ภาพจากอินเทอร์เน็ต
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น