เอเจนซีส์ - คอร์เนเลียส เกอร์ลิตต์ (Cornelius Gurlitt)นักสะสมที่ได้แอบเก็บรวบรวมงานศิลปะที่กองทัพนาซีเยอรมันปล้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ร่วม 1,400 ชิ้นได้เสียชีวิตแล้วในวัย 81 ปีในอพาทเมนต์ส่วนตัวของเขาในมิวนิค เยอรมัน
คอร์เนเลียส เกอร์ลิตต์ (Cornelius Gurlitt) เสียชีวิตในอพาทเมนต์ที่เขาอาศัยตามลำพังในมิวนิคเป็นเวลา 40ปีกับผลงานศิลปะระดับโลกที่เขาแอบเก็บรวบรวมไว้ และเรียกภาพเขียนเหล่านั้นว่า “เพื่อน” จนกระทั่งในปี 2012 ตำรวจเยอรมันได้บุกเข้าไปยึดงานศิลปะที่กองทัพนาซีปล้นสะดม
พบว่าเกอร์ลิตต์ป่วยหนักเป็นเวลาหลายเดือน และเขาได้ผ่านการผ่าตัดหัวใจครั้งใหญ่ก่อนหน้านั้น
“เมื่อผมได้เสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาสามารถจะทำอะไรกับงานศิลปะพวกนั้นได้ตามความปราถนา” เกอร์ลิตต์ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารแดร์ ชปีกาลถึงงานสะสมของเขาที่ไม่ธรรมดาที่มีทั้งงานศิลปะที่คล้ายกับผลงานของปิคาสโซ มาติซ และชากาล มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ตำรวจเชื่อว่า มีหลายชิ้นที่ถูกปล้นมาในสมัยนาซีเรืองอำนาจ โดยเป็นเวลาหลายสิบปีที่เกอร์ลิตต์อาศัยลำพังกับภาพศิลปะพวกนั้นโดยไม่ได้ถูกรบกวนจากโลกภายนอก พบว่าเกอร์ลิตต์ไม่มีทั้งโทรทัศน์ และไม่เคยใช้อินเตอร์เนตแต่อย่างใด
แต่ทว่าหน่วยงานสสพากรเยอรมันเริ่มตรวจสอบเกอร์ลิตต์ในปี 2010 หลังจากที่เขาได้ถูกจับพร้อมเงินสด 9,000 ยูโรในขณะข้ามพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์ และหลังจากนั้นตำรวจเยอรมันได้บุกค้นอพาทเมนต์ของเขาในปี 2012 ซึ่งนำมาความตกตะลึงเมื่อพบกับคอเล็กชันงานศิลปะที่มีจำนวนมากกว่า 1,400 ชิ้น
และหลังจากนั้นได้มีการบุกค้นในบ้านพักหลังที่ 2 ของเกอร์ลิตต์ในซาลซ์บูร์ก ออสเตรีย และพบงานศิลปะอีกจำนวนมากกว่า 60 ชิ้น รวมถึงงานศิลปะของปิคาสโซ และโมเน่
ทั้งนี้เกอร์ลิตต์อ้างว่า เขาได้รับมรดกภาพเขียนทั้งหมดมาจากบิดา ฮิเดบรานด์ นายหน้านักค้าศิลปะของกองทัพนาซี และทำให้ตำรวจเชื่อว่างานศิลปะหลายชิ้นที่อยู่ในความครอบครองของเกอร์ลิตต์นั้นเป็นของที่นาซีปล้นสะดมมาจากชาวยิว หรือซื้อมาจากนักสะสมชาวยิวที่ต้องหลบหนีภัยในยุคนาซีด้วยราคาที่ต่ำมาก
ที่ผ่านมาเกอร์ลิตต์ปฎิเสธถึงการกระทำผิดในทุกข้อกล่าวหา และยังปฎิเสธที่จะให้ข้อมูลถึงงานศิลปะชิ้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นของปล้นสะดม แต่ในต้นปี 2014 น่าประหลาดใจที่ว่าเกอร์ลิตต์สัญญาที่จะยอมคืนภาพเขียนชิ้นที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของผู้อื่นอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ถึงแม้ว่าเขาจะยังครอบครองในฐานะสินทรัพย์ส่วนตัวอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ซึ่งหลังจากที่ทางการเยอรมันได้รับความร่วมมือกับเกอร์ลิตต์ เจ้าหน้าที่สัญญาว่าจะคืนงานศิลปะให้กับชายชราผู้นี้ในระหว่างการสอบสวน แต่กระนั้นพวกเขาเกรงในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยของอพาทเมนต์เกอร์ลิตต์เนื่องจากคดีนี้โด่งดังในระดับสากล ดังนั้นงานศิลปะจึงได้ถูกเก็บไว้ในสถานที่หนึ่งซึ่งไม่เป็นที่เปิดเผยเพื่อความปลอดภัย