กรมอนามัยแนะหญิงไทยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยน้ำส้มสายชู หรือ VIA ร่วมกับวิธีแปปสเมียร์ทุก 10 ปี ช่วยป้องกันและลดอุบัติการณ์เกิดมะเร็งได้ แถมใช้งบประมาณประเทศน้อยกว่า
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การป้องกันและควบคุมมะเร็งปากมดลูกในไทย โดยการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยน้ำส้มสายชู หรือวิธี VIA (Visual Inspection with Acetic Acid) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ผู้รับบริการไม่ต้องใช้เวลามากในการรับบริการ และสามารถรักษาในเบื้องต้นได้เมื่อเกิดอาการผิดปกติ โดยมีสตรีไทยได้รับบริการคัดกรองด้วยวิธี VIA แล้วกว่า 600,000 ราย ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสเอชพีวีได้แล้ว แต่วัคซีนก็สามารถป้องกันได้เฉพาะผู้ที่ไม่ติดเชื้อหรือกลุ่มที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์เท่านั้น นอกจากนี้ วัคซีนยังป้องกันไวรัสเอชพีวีได้เพียงสองสายพันธุ์จากทั้งหมดสามสิบกว่าสายพันธุ์ที่ก่อมะเร็ง การตรวจคัดกรองจึงยังคงเป็นมาตรการหลักในการป้องกันและควบคุมมะเร็งปากมดลูก
นพ.พรเทพ กล่าวว่า การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่าวิธี VIA ช่วยให้ผู้รับบริการมีทางเลือกในการรับบริการมากขึ้น สอดคล้องกับการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของกรมอนามัยและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี อันจะส่งผลต่อการประหยัดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลของประเทศ ดังนั้น การฝึกอบรมพยาบาล ผู้ให้บริการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA และการรักษาด้วยการจี้เย็นยังคงมีความสำคัญและมีความจำเป็น ซึ่งกรมอนามัยได้ขยายการดำเนินงานครอบคลุมใน 32 จังหวัด รวมจังหวัดพื้นที่ที่ตั้งศูนย์อนามัย โดยสามารถฝึกอบรมพยาบาลผู้ให้บริการได้ 1,386 คน และมีครูฝึก 149 คน กระจายทั่วประเทศ
“ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและลดอุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูก สตรีอายุ 30-45 ปี จึงควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วยวิธี VIA ทุก 10 ปี ร่วมกับการคัดกรองด้วยวิธีแปปสเมียร์ ทุก 10 ปี ในกลุ่มสตรีอายุ 50-60 ปี ซึ่งจะใช้งบประมาณน้อยกว่าการคัดกรองด้วยวิธีแปปสเมียร์ เพียงอย่างเดียวและช่วยยืดอายุเฉลี่ยของสตรีไทยได้ด้วย จึงอยากเชิญชวนให้สตรีอายุ 30-60 ปี ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรค” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การป้องกันและควบคุมมะเร็งปากมดลูกในไทย โดยการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยน้ำส้มสายชู หรือวิธี VIA (Visual Inspection with Acetic Acid) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ผู้รับบริการไม่ต้องใช้เวลามากในการรับบริการ และสามารถรักษาในเบื้องต้นได้เมื่อเกิดอาการผิดปกติ โดยมีสตรีไทยได้รับบริการคัดกรองด้วยวิธี VIA แล้วกว่า 600,000 ราย ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสเอชพีวีได้แล้ว แต่วัคซีนก็สามารถป้องกันได้เฉพาะผู้ที่ไม่ติดเชื้อหรือกลุ่มที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์เท่านั้น นอกจากนี้ วัคซีนยังป้องกันไวรัสเอชพีวีได้เพียงสองสายพันธุ์จากทั้งหมดสามสิบกว่าสายพันธุ์ที่ก่อมะเร็ง การตรวจคัดกรองจึงยังคงเป็นมาตรการหลักในการป้องกันและควบคุมมะเร็งปากมดลูก
นพ.พรเทพ กล่าวว่า การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่าวิธี VIA ช่วยให้ผู้รับบริการมีทางเลือกในการรับบริการมากขึ้น สอดคล้องกับการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของกรมอนามัยและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี อันจะส่งผลต่อการประหยัดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลของประเทศ ดังนั้น การฝึกอบรมพยาบาล ผู้ให้บริการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี VIA และการรักษาด้วยการจี้เย็นยังคงมีความสำคัญและมีความจำเป็น ซึ่งกรมอนามัยได้ขยายการดำเนินงานครอบคลุมใน 32 จังหวัด รวมจังหวัดพื้นที่ที่ตั้งศูนย์อนามัย โดยสามารถฝึกอบรมพยาบาลผู้ให้บริการได้ 1,386 คน และมีครูฝึก 149 คน กระจายทั่วประเทศ
“ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและลดอุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูก สตรีอายุ 30-45 ปี จึงควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วยวิธี VIA ทุก 10 ปี ร่วมกับการคัดกรองด้วยวิธีแปปสเมียร์ ทุก 10 ปี ในกลุ่มสตรีอายุ 50-60 ปี ซึ่งจะใช้งบประมาณน้อยกว่าการคัดกรองด้วยวิธีแปปสเมียร์ เพียงอย่างเดียวและช่วยยืดอายุเฉลี่ยของสตรีไทยได้ด้วย จึงอยากเชิญชวนให้สตรีอายุ 30-60 ปี ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรค” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่
