xs
xsm
sm
md
lg

โบ้ยกรมใน สธ.จัดหนัก สั่งงานหมออนามัยคีย์ข้อมูล แนะจัดระเบียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สปสช. ปัดสั่งหมออนามัยคีย์ข้อมูลสุขภาพ เผยให้ทำแค่เรื่องเดียว ที่เหลือเป็นการกำหนดของ สธ. 21 แฟ้ม และกรมต่างๆ ใน สธ. ระบุมีเพียงส่วนน้อยที่มีปัญหา ระบุต้องใช้ข้อมูลเป็นผลงานพิจารณางบลงหน่วยบริการ หากส่งบันทึกไม่ตรงเวลาเท่ากับไม่มีผลงาน แนะ สธ. จัดระเบียบกรมมอบหมายงาน ระบบบันทึกข้อมูล ลดภาระหมออนามัย

วันนี้ (25 มิ.ย.) นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือหมออนามัยในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เปิดเผยถึงการทำงานในปัจจุบันที่ต้องบันทึกข้อมูลสุขภาพประชาชนจำนวนมาก ต้องส่งข้อมูลเป็นรายเดือน หากไม่ส่งจะไม่ได้งบประมาณจาก สปสช. ทำให้ไม่มีเวลาลงเยี่ยมบ้านประชาชน ซึ่งเป็นภารกิจหลัก ว่า จริงๆ แล้วการบันทึกข้อมูลสุขภาพ 21 แฟ้ม เป็นการกำหนดโดยกระทรวงสาธารรสุข (สธ.) มีเพียงเรื่องข้อมูลการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่เท่านั้นที่มีการกำหนดให้ รพ.สต. บันทึกและส่งข้อมูล แต่ก็เป็นการดำเนินการเฉพาะ รพ.สต. ที่มีแพทย์ประจำอนู่เท่านั้น

นพ.ประทีป กล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลที่ รพ.สต. ต้องบันทึกมี 4 ส่วนหลัก คือ 1. งานประจำ เช่น บันทึกข้อมูลการให้บริการตรวจรักษา 2. ข้อมูลบริการพื้นฐานตามมาตรฐานที่สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) กำหนด 3. ข้อมูลที่ต้องบันทึกเพิ่มเติมจากที่กรมและหน่วยงานต่างๆ ระบุ เช่น คัดกรองมะเร็งปากมดลูก และชั่งน้ำหนักนักเรียน เป็นต้น และ 4. งานที่ สปสช. มอบหมาย ซึ่งมีเพียงการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่

รพ.สต. ที่สามารถบริหารจัดการเรื่องการบันทึกข้อมูลได้ดีมีประมาณ 50% จัดการได้ดีมากมี 1 ใน 3 คือ สามารถประมวลผลข้อมูลและนำไปใช้กับงานที่ดำเนินการได้เอง มีเพียงส่วนน้อยที่การบันทึกข้อมูลส่งผลต่อการทำงาน ทั้งนี้ ข้อมูลที่ รพ.สต. ต้องบันทึกส่วนใหญ่เป็นการกำหนดโดยกรมต่างๆ เช่น การคัดกรองเบาหวาน สปสช. กำหนดให้คัดกรองผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป แต่กรมควบคุมโรคกำหนดให้ดำเนินการในผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป และต้องทำให้ได้ 90% จึงเป็นภาระหนักให้กับหมออนามัย ดังนั้น หาก สธ. สามารถจัดระเบียบการมอบหมายงานแก่ รพ.สต. และจัดระบบการบันทึกข้อมูลใหม่ก็จะช่วยหมออนามัยได้มากขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันในการออกแบบระบบข้อมูลและเก็บข้อมูลใหม่ ไม่ให้การเก็บข้อมูลเป็นภาระอยู่ที่ รพ.สต. อย่างเดียว และการส่งข้อมูลควรสรุปตามตัวชี้วัดแล้วส่งให้ สธ. และ สปสช. เท่านั้น” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว

นพ.ประทีป กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นการกำหนดเวลาส่งงานบันทึกข้อมูลจนกระทบกับการดูแลเยี่ยมบ้านประชาชนนั้น การทำงานของเจ้าหน้าที่จริงแล้วๆ ก็มีการบันทึกข้อมูลตามวันที่ให้บริการ เช่น ให้บริการเบาหวานวันพุธ ก็บันทึกข้อมูลเบาหวานในวันนั้นแล้วส่งข้อมูลไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเป็นรายเดือน แบบนี้ก็ยิ่งทำให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น ง่ายต่อการทำงาน ส่วนกรณีส่งข้อมูลไม่ตรงตามเวลาจะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจาก สปสช. นั้น ความจริงคือ สปสช. จัดสรรงบประมาณในรูปหน่วยบริการ โดยนำข้อมูล 21 แฟ้มจาก สธ. มาใช้เป็นข้อมูลที่เป็นผลงานของหน่วยบริการในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ดังนั้น หากไม่มีการส่งข้อมูลก็จะไม่มีผลงานของหน่วยบริการปรากฏสำหรับพิจารณาจัดสรรงบประมาณ

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น