ศธ. ไม่แยกวิชาประวัติศาสตร์ - หน้าที่พลเมือง เป็นกลุ่มสาระที่ 9 ตามแนวคิด คสช. นักวิชาการชี้สอนโดดๆ ไม่ได้ ต้องเรียนร่วมกับสาระอื่นในกลุ่มสังคมศึกษา แต่จะปรับรูปแบบการเรียนให้เป็นวิชาเฉพาะมากขึ้น พร้อมจัดทำคู่มือการสอนให้ครูเพิ่ม เล็งดึงเวลาวิชาเลือกเพิ่มที่ยืนให้วิชาหน้าที่พลเมือง เตรียมจัดรูปแบบกิจกรรมส่งเสริม
นายวินัย รอดจ่าย ประธานกรรมการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ฯ ได้หารือเรื่องการแยกการเรียนการสอนวิชาดังกล่าวออกมาเป็นวิชาเฉพาะ ตามแนวคิดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเดิม 2 เนื้อหาอยู่ในส่วนของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม แล้วเห็นว่า การแยกออกมาตั้งเป็นกลุ่มสาระที่ 9 จะต้องมีการแก้ไขระเบียบกฎหมายรองรับ ซึ่งใช้เวลานาน ที่สำคัญเป็นวิชาที่ไม่สามารถเรียนโดดได้ ต้องเรียนควบคู่ไปกับสาระอื่นๆ ในกลุ่มสังคมศึกษา เช่น ภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ที่ประชุมจึงลงความเห็นว่า ไม่แยกประวัติศาสตร์ออกมาตั้งเป็นกลุ่มสาระวิชาใหม่
นายวินัย กล่าวว่า ทั้งนี้ จะปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้เป็นวิชาเฉพาะชัดเจนขึ้น โดยคงชั่วโมงเรียนไว้ตามหลักสูตรคือ 40 ชั่วโมงต่อปีในระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น และ 80 ชั่วโมงต่อปีในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนเนื้อหาตำราเรียนมีความครบถ้วนอยู่แล้ว จึงให้ใช้ตำราเรียนเดิมไปก่อน แต่อาจเพิ่มเติมเนื้อหาให้กับครูผู้สอนในส่วนที่ต้องการจะเพิ่มเติมเข้าไปโดยทำเป็นคู่มือ ส่วนการเรียนการสอนหน้าที่พลเมืองไม่มีเวลาเรียนกำหนดไว้เฉพาะ แต่ระบุเป็นชั่วโมงเรียนรวม 4 สาระ คือ หน้าที่พลเมือง ศาสนา เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ให้เรียนรวม 80 ชั่วโมงต่อปีในระดับประถมศึกษาตอนต้น 120 ชั่วโมงต่อปีในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ 240 ชั่วโมงในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่ได้มีการแยกเป็นวิชาออกมาเช่นเดียวกัน
“เนื่องจากต้องการให้วิชาหน้าที่พลเมืองสอนเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มเวลาเรียน แต่ไม่สามารถทำได้ จึงให้ไปดึงเวลาเรียนในส่วนของวิชาเลือกมาใช้แทน และให้จัดการเรียนการสอนในลักษณะกิจกรรมส่งเสริมผู้เรียนเกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง ส่งเสริมความเป็นมนุษย์ หน้าที่พลเมืองและประวัติศาสตร์ ปีละ 40 ชั่วโมงทุกระดับชั้น โดยจะมีการจัดทำคู่มือเพิ่มเติมเนื้อหาให้ครูผู้สอน” นายวินัย กล่าว
ด้านนายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การจัดทำคู่มือให้กับครูจะเพิ่มเติมในเรื่องของจุดเน้นต่างๆ เช่น ความรักชาติ ความเป็นไทย โดยอาจจะทำเป็นคู่มือเสริมในแต่ละระดับชั้นและจะมีการแนะนำ เรื่องการจัดการเรียนการสอน การมีหนังสืออ่านนอกเวลา และการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมทางด้านประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพื่อให้ครูใช้กันทั่วประเทศและสอนไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนสาเหตุที่ไม่ให้แยกออกมาเป็นกลุ่มสาระที่ 9 เพราะไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับวิชาอื่น และนักวิชาการด้านสังคมทักท้วงว่าการเรียนวิชานี้ให้เห็นผลต้องเรียนรวมเนื้อหาของกลุ่มสาระสังคม อย่างไรก็ตาม จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อกำหนดรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง ช่วงปลาย มิ.ย. เพื่อให้ทันใช้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 อย่างไรก็ตาม ในแผนระยะสั้น 3 เดือนจะเสริมกิจกรรมเพิ่มเติมอย่างการให้มีการ แต่งเพลงเนื้อหาเชิงรักชาติ สามัคคีโดยมีนักร้องวัยรุ่นมาร้องด้วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่
นายวินัย รอดจ่าย ประธานกรรมการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ฯ ได้หารือเรื่องการแยกการเรียนการสอนวิชาดังกล่าวออกมาเป็นวิชาเฉพาะ ตามแนวคิดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเดิม 2 เนื้อหาอยู่ในส่วนของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม แล้วเห็นว่า การแยกออกมาตั้งเป็นกลุ่มสาระที่ 9 จะต้องมีการแก้ไขระเบียบกฎหมายรองรับ ซึ่งใช้เวลานาน ที่สำคัญเป็นวิชาที่ไม่สามารถเรียนโดดได้ ต้องเรียนควบคู่ไปกับสาระอื่นๆ ในกลุ่มสังคมศึกษา เช่น ภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ที่ประชุมจึงลงความเห็นว่า ไม่แยกประวัติศาสตร์ออกมาตั้งเป็นกลุ่มสาระวิชาใหม่
นายวินัย กล่าวว่า ทั้งนี้ จะปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้เป็นวิชาเฉพาะชัดเจนขึ้น โดยคงชั่วโมงเรียนไว้ตามหลักสูตรคือ 40 ชั่วโมงต่อปีในระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น และ 80 ชั่วโมงต่อปีในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนเนื้อหาตำราเรียนมีความครบถ้วนอยู่แล้ว จึงให้ใช้ตำราเรียนเดิมไปก่อน แต่อาจเพิ่มเติมเนื้อหาให้กับครูผู้สอนในส่วนที่ต้องการจะเพิ่มเติมเข้าไปโดยทำเป็นคู่มือ ส่วนการเรียนการสอนหน้าที่พลเมืองไม่มีเวลาเรียนกำหนดไว้เฉพาะ แต่ระบุเป็นชั่วโมงเรียนรวม 4 สาระ คือ หน้าที่พลเมือง ศาสนา เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ให้เรียนรวม 80 ชั่วโมงต่อปีในระดับประถมศึกษาตอนต้น 120 ชั่วโมงต่อปีในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ 240 ชั่วโมงในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่ได้มีการแยกเป็นวิชาออกมาเช่นเดียวกัน
“เนื่องจากต้องการให้วิชาหน้าที่พลเมืองสอนเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มเวลาเรียน แต่ไม่สามารถทำได้ จึงให้ไปดึงเวลาเรียนในส่วนของวิชาเลือกมาใช้แทน และให้จัดการเรียนการสอนในลักษณะกิจกรรมส่งเสริมผู้เรียนเกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง ส่งเสริมความเป็นมนุษย์ หน้าที่พลเมืองและประวัติศาสตร์ ปีละ 40 ชั่วโมงทุกระดับชั้น โดยจะมีการจัดทำคู่มือเพิ่มเติมเนื้อหาให้ครูผู้สอน” นายวินัย กล่าว
ด้านนายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การจัดทำคู่มือให้กับครูจะเพิ่มเติมในเรื่องของจุดเน้นต่างๆ เช่น ความรักชาติ ความเป็นไทย โดยอาจจะทำเป็นคู่มือเสริมในแต่ละระดับชั้นและจะมีการแนะนำ เรื่องการจัดการเรียนการสอน การมีหนังสืออ่านนอกเวลา และการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมทางด้านประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพื่อให้ครูใช้กันทั่วประเทศและสอนไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนสาเหตุที่ไม่ให้แยกออกมาเป็นกลุ่มสาระที่ 9 เพราะไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับวิชาอื่น และนักวิชาการด้านสังคมทักท้วงว่าการเรียนวิชานี้ให้เห็นผลต้องเรียนรวมเนื้อหาของกลุ่มสาระสังคม อย่างไรก็ตาม จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อกำหนดรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง ช่วงปลาย มิ.ย. เพื่อให้ทันใช้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 อย่างไรก็ตาม ในแผนระยะสั้น 3 เดือนจะเสริมกิจกรรมเพิ่มเติมอย่างการให้มีการ แต่งเพลงเนื้อหาเชิงรักชาติ สามัคคีโดยมีนักร้องวัยรุ่นมาร้องด้วย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่