ไม่ว่าการรัฐประหาร 22 มิถุนายน 2557 จะดีหรือไม่ดีก็ตาม เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ปรัชญาจีนโบราณก็สอนว่าโลกนี้มีทั้งหยินและหยาง มีมืดมีสว่าง มีดีมีเลว สรรพสิ่งจึงไม่มีอะไรที่ดีไปหมดและชั่วไปหมด และเมื่อสถานการณ์เป็นไปแล้ว มีการรัฐประหารในท่ามกลางสภาวะไร้ระเบียบอันยากจะทำนายอนาคตได้ การรัฐประหารได้นำมาสู่ซึ่งสภาวะแช่แข็งความขัดแย้งชั่วคราว หัวใจและความคาดหวังของสังคมไทยที่อยากเห็นการปฏิรูปยกระดับคุณภาพของประเทศไทย คือบทพิสูจน์ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของรัฐประหารกับพัฒนาการสังคมไทยในครั้งนี้
คำถามสำคัญที่ผมเองครุ่นคิดก็คือ หากให้มีการเสนอข้อเสนอเพื่อการปฏิรูประบบสุขภาพเพียงประเด็นเดียว ผมจะเสนออะไร เพราะในความเป็นจริง การปฏิรูปในสภาวะที่มีอำนาจเต็มแห่งกฎอัยการศึกก็ใช่ว่าจะสามารถทำทุกอย่างได้โดยง่าย ขอไม่มาก ขอข้อเดียว จะขออะไร
ข้อเสนอของผมคือ “ขอให้มีการปฏิรูประบบประกันสุขภาพและประกันสังคม” ผมขอเสนอให้แยกระบบประกันสุขภาพและประกันสังคมออกให้ขาดจากกัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ทำหน้าที่ดูแลการประกันสุขภาพคนทุกคนบนแผ่นดินไทย ไม่ใช่เฉพาะคนถือบัตรทองเช่นในปัจจุบัน และให้สำนักงานประกันสังคมดูแลการประกันสังคมแก่ทุกคนในแผ่นดินไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทย กลายเป็นรัฐสวัสดิการด้านสุขภาพและประกันสังคม อันเป็นความมั่นคงในชีวิต และเป็นสิทธิที่ทุกคนควรได้รับการดูแลจากรัฐในฐานะพลเมือง
สำหรับการประกันสุขภาพที่ สปสช. ต้องดูแลนั้น นอกจากกลุ่มบัตรทองเดิม ก็ควรต้องขยายมาดูแลกลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมด้วย โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าประกันตนในหมวดการประกันสุขภาพ อีกทั้งยังควรให้รวมเอากองทุนจาก พ.ร.บ.บุคคลที่สามในยามประสบอุบัติเหตุการจราจร กองทุนหลักประกันสุขภาพคนต่างด้าว กองทุนผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ รวมทั้งการขยายหลักประกันสู่คนไร้รัฐทั้งหมดด้วย โดยบริหารจัดการให้มีสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม และมีการปันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ในปัจจุบันหลักประกันสุขภาพบัตรทองนั้นก็มีสิทธิประโยชน์และการจัดการที่ล้ำหน้ากว่ากองทุนอื่นๆ เป็นทุนอยู่แล้ว การทำให้พลเมืองมีสุขภาพดีและมีการประกันสุขภาพเป็นหน้าที่ของรัฐ การนำภาษีมาใช้เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการการรักษาฟรีในครั้งนี้คือสวัสดิการที่จำเป็น และเป็นหัวใจของการปฏิรูประบบประกันสุขภาพภาคสอง และเป็นการลดความเหลื่อมล้ำที่สำคัญยิ่ง
สำหรับกองทุนประกันสังคมนั้น ผู้ประกันตนยังคงจ่ายเงินสมทบเพื่อการประกันสังคม เงินที่กองทุนประกันสังคมจะได้รับนั้นจะมีมากขึ้นเพราะไม่ต้องไปเสียเงินให้กับโรงพยาบาลเป็นค่ารักษาพยาบาล จะทำให้การดูแลการว่างงาน กองทุนชราภาพ กรณีที่บาดเจ็บหรือทุพพลภาพ การช่วยเหลืออื่นๆที่อาจพัฒนาขึ้นมา มีสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้นหลายเท่าตัว และขยายให้ครอบคลุมการดูแลคนไทยทุกคนในอนาคต
แม้ว่ารัฐประหาร และ คสช. คงไม่ใช่ตะเกียงวิเศษ แต่ในสภาวะพิเศษเช่นนี้ หาก คมช. คัดสรรคนที่มีความสามารถและทำงานเป็นมาเป็นรัฐบาล มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข หรือมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ดูเรื่องการปฏิรูป ก็อาจจะสามารถสร้างปรากฏการณ์การยกระดับรัฐสวัสดิการของประเทศได้ โดยที่สภาวะปกติทำได้ยาก เมื่อเหรียญมีสองด้าน ก็ขอให้ตะเกียงวิเศษแสดงอิทธิฤทธิ์ในทางสร้างสรรค์ให้ได้ มิเช่นนั้นประวัติศาสตร์ก็จะจารึกไว้ว่าเป็นรัฐประหารเพื่อแสวงหาอำนาจเช่นเดิม ฉกฉวยพลังของมวลมหาประชาชนไปใช้อย่างเสียของ ซึ่งเป็นการเสียโอกาสของประเทศชาติอย่างน่าเสียดาย
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่