สปส. ชี้จัดสรรเงินดูแลผู้ประกันตนป่วยด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงแล้วกว่า 500 ล้าน หลังกลุ่มคนรักประกันสุขภาพเรียกร้องเพิ่มสิทธิรักษาพยาบาล
วันนี้ (22 พ.ค) นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน ที่เรียกร้องให้ สปส. เพิ่มสิทธิการรักษาพยาบาล ว่า หนึ่งในข้อเรียกร้องคือเรื่องการให้เพิ่มสิทธิดูแลผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย (โรคเลือดไหลไม่หยุด) เช่นเดียวกับสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งคณะกรรมการการแพทย์ของประกันสังคม มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว โดยมีมติเมื่อ 2 - 3 เดือนก่อนหน้านี้ว่าให้จัดสรรเงินกองทุนไว้ส่วนหนึ่งจำนวนกว่า 500 ล้านบาท โดยคิดจากค่าบริการทางการแพทย์คนละ 50 บาท คูณด้วยจำนวนผู้ประกันตนกว่า 10 ล้านคน เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงบริการในโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายละเอียดในการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการการแพทย์ยังพิจารณาถึงยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งชนิดใหม่ ในกรณีที่ผู้ประกันตนมีอาการแพ้ยาหรือต้องเปลี่ยนยา เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของทางโรงพยาบาล
รองเลขาธิการ สปส. กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่อยากให้ สปส. คุ้มครองสิทธิและชดเชยเมื่อเกิดความเสียหายจากการรักษานั้น สปส. มีการดูแลในเรื่องการขาดรายได้อยู่แล้ว ไม่ว่าเหตุที่เกิดนั้นจะมาจากโรคหรือจะมาจากแพทย์รักษา หากส่งผลให้ขาดรายได้ก็จะมีการช่วยเหลือโดยการจ่ายเงินชดเชยระหว่างที่ยังทำงานไม่ได้ รวมถึงหากสูญเสียอวัยวะก็จะมีการจ่ายเงินชดเชยเป็นกรณีไป
“ส่วนการจ่ายเงินค่าทำคลอดที่เรียกร้องให้จ่ายไปที่ รพ. นั้น ที่ผ่านมาเคยกำหนดให้ผู้ประกันตนไปคลอดที่ รพ. ที่กำหนดแล้วทาง สปส. จะจ่ายเงินไปที่ รพ. โดยตรง พบว่าผู้ประกันตนกว่าร้อยละ 90 ไม่ชอบวิธีนี้และขอให้ปรับเปลี่ยน เนื่องจากทางเลือกมีน้อย บางรายอยากจะเลือกคลอดที่ รพ. เอกชนมากกว่า ทางสปส. จึงปรับเป็นการจ่ายให้ภายหลัง แต่กรณีที่ผู้ประกันตนไม่มีเงินจ่ายสามารถติดต่อมาที่ สปส. เขตพื้นที่หรือจังหวัดด้วยตนเอง หรือ รพ. ติดต่อให้ก็ได้ สปส. ก็จะนำเงินไปจ่ายค่าคลอดให้ที่ รพ.” นพ.สุรเดช กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่
วันนี้ (22 พ.ค) นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน ที่เรียกร้องให้ สปส. เพิ่มสิทธิการรักษาพยาบาล ว่า หนึ่งในข้อเรียกร้องคือเรื่องการให้เพิ่มสิทธิดูแลผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย (โรคเลือดไหลไม่หยุด) เช่นเดียวกับสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งคณะกรรมการการแพทย์ของประกันสังคม มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว โดยมีมติเมื่อ 2 - 3 เดือนก่อนหน้านี้ว่าให้จัดสรรเงินกองทุนไว้ส่วนหนึ่งจำนวนกว่า 500 ล้านบาท โดยคิดจากค่าบริการทางการแพทย์คนละ 50 บาท คูณด้วยจำนวนผู้ประกันตนกว่า 10 ล้านคน เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงบริการในโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายละเอียดในการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการการแพทย์ยังพิจารณาถึงยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งชนิดใหม่ ในกรณีที่ผู้ประกันตนมีอาการแพ้ยาหรือต้องเปลี่ยนยา เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของทางโรงพยาบาล
รองเลขาธิการ สปส. กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่อยากให้ สปส. คุ้มครองสิทธิและชดเชยเมื่อเกิดความเสียหายจากการรักษานั้น สปส. มีการดูแลในเรื่องการขาดรายได้อยู่แล้ว ไม่ว่าเหตุที่เกิดนั้นจะมาจากโรคหรือจะมาจากแพทย์รักษา หากส่งผลให้ขาดรายได้ก็จะมีการช่วยเหลือโดยการจ่ายเงินชดเชยระหว่างที่ยังทำงานไม่ได้ รวมถึงหากสูญเสียอวัยวะก็จะมีการจ่ายเงินชดเชยเป็นกรณีไป
“ส่วนการจ่ายเงินค่าทำคลอดที่เรียกร้องให้จ่ายไปที่ รพ. นั้น ที่ผ่านมาเคยกำหนดให้ผู้ประกันตนไปคลอดที่ รพ. ที่กำหนดแล้วทาง สปส. จะจ่ายเงินไปที่ รพ. โดยตรง พบว่าผู้ประกันตนกว่าร้อยละ 90 ไม่ชอบวิธีนี้และขอให้ปรับเปลี่ยน เนื่องจากทางเลือกมีน้อย บางรายอยากจะเลือกคลอดที่ รพ. เอกชนมากกว่า ทางสปส. จึงปรับเป็นการจ่ายให้ภายหลัง แต่กรณีที่ผู้ประกันตนไม่มีเงินจ่ายสามารถติดต่อมาที่ สปส. เขตพื้นที่หรือจังหวัดด้วยตนเอง หรือ รพ. ติดต่อให้ก็ได้ สปส. ก็จะนำเงินไปจ่ายค่าคลอดให้ที่ รพ.” นพ.สุรเดช กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่