บอร์ด สปส.ไฟเขียวเพิ่มงบรักษาโรคร้ายแรงปี 57 เป็น 6.1 พันล้าน จากเดิม 4.4 พันล้าน ฟุ้งช่วยผู้ประกันตนเข้าถึงบริการมากขึ้น กระตุ้นโรงพยาบาลระบบประกันสังคมพัฒนาศักยภาพรักษาโรคร้ายแรง
นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบเพิ่มงบค่ารักษาตามกลุ่มโรคร้ายแรงในปี 2557 เช่น โรคมะเร็ง โรคไต โรคปอด เป็น 6,104 ล้านบาท เฉลี่ย 560 บาทต่อคนต่อปี จากจำนวนผู้ประกันตนประมาณ 10.9 ล้านคน จากเดิมที่ตั้งงบไว้ 4,460 ล้านบาท ในปี 2555 และ 2556 โดยเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลยังเป็นไปตามเดิมคือ จ่ายตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (ดีอาร์จี) จะต้องเป็นโรคที่มีค่าดีอาร์จีเกินกว่า 2 ขึ้นไป จะเบิกได้ระดับละ 15,000 บาท
รองเลขาธิการ สปส.กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ สปส.เพิ่มงบดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการจ่ายค่ารักษาเช่นนี้ช่วยให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการบริการรักษาโรคร้ายแรงได้มากขึ้น และจำนวนผู้ประกันตนที่เข้ารับบริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งโรงพยาบาลต่างๆ ในระบบประกันสังคมได้มีการปรับขึ้นค่าจ้างให้แก่บุคลากรด้วย ซึ่งงบค่ารักษาตามกลุ่มโรคร้ายแรงนี้โรงพยาบาลในระบบประกันสังคมและโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูง เช่น กลุ่มโรงเรียนแพทย์ที่เป็นคู่สัญญา ซึ่งให้บริการรักษาพยาบาลโรคร้ายแรงแก่ผู้ประกันตนสามารถขอเบิกจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค.2557
“เชื่อว่าการเพิ่มงบค่ารักษาตามกลุ่มโรคร้ายแรง จะช่วยให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการได้มากกว่าเดิม เนื่องจากผลการดำเนินการจัดตั้งงบค่ารักษาตามกลุ่มโรคร้ายแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงการให้บริการได้มากกว่าก่อนหน้าที่ สปส.จะตั้งงบนี้ขึ้นมา ซึ่งผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงเข้าถึงบริการได้ไม่เต็มที่ เพราะโรงพยาบาลกังวลว่าจะเบิกค่ารักษาได้ยาก นอกจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นให้โรงพยาบาลในระบบประกันสังคมมีการพัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้าน เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคร้ายแรงในโรคที่โรงพยาบาลมีความถนัดและความมีพร้อม” นพ.สุรเดช กล่าว
นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบเพิ่มงบค่ารักษาตามกลุ่มโรคร้ายแรงในปี 2557 เช่น โรคมะเร็ง โรคไต โรคปอด เป็น 6,104 ล้านบาท เฉลี่ย 560 บาทต่อคนต่อปี จากจำนวนผู้ประกันตนประมาณ 10.9 ล้านคน จากเดิมที่ตั้งงบไว้ 4,460 ล้านบาท ในปี 2555 และ 2556 โดยเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลยังเป็นไปตามเดิมคือ จ่ายตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (ดีอาร์จี) จะต้องเป็นโรคที่มีค่าดีอาร์จีเกินกว่า 2 ขึ้นไป จะเบิกได้ระดับละ 15,000 บาท
รองเลขาธิการ สปส.กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ สปส.เพิ่มงบดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการจ่ายค่ารักษาเช่นนี้ช่วยให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการบริการรักษาโรคร้ายแรงได้มากขึ้น และจำนวนผู้ประกันตนที่เข้ารับบริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งโรงพยาบาลต่างๆ ในระบบประกันสังคมได้มีการปรับขึ้นค่าจ้างให้แก่บุคลากรด้วย ซึ่งงบค่ารักษาตามกลุ่มโรคร้ายแรงนี้โรงพยาบาลในระบบประกันสังคมและโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูง เช่น กลุ่มโรงเรียนแพทย์ที่เป็นคู่สัญญา ซึ่งให้บริการรักษาพยาบาลโรคร้ายแรงแก่ผู้ประกันตนสามารถขอเบิกจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค.2557
“เชื่อว่าการเพิ่มงบค่ารักษาตามกลุ่มโรคร้ายแรง จะช่วยให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการได้มากกว่าเดิม เนื่องจากผลการดำเนินการจัดตั้งงบค่ารักษาตามกลุ่มโรคร้ายแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงการให้บริการได้มากกว่าก่อนหน้าที่ สปส.จะตั้งงบนี้ขึ้นมา ซึ่งผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงเข้าถึงบริการได้ไม่เต็มที่ เพราะโรงพยาบาลกังวลว่าจะเบิกค่ารักษาได้ยาก นอกจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นให้โรงพยาบาลในระบบประกันสังคมมีการพัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้าน เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคร้ายแรงในโรคที่โรงพยาบาลมีความถนัดและความมีพร้อม” นพ.สุรเดช กล่าว