ก.แรงงาน หารือทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาค้ามนุษย์ หวังถอดบัญชีดำจับตามองในสินค้า 5 ประเภท กต. ชี้สินค้าอ้อย-น้ำตาล มีแนวโน้มหลุดขึ้นบัญชีใช้แรงงานเด็ก-บังคับในปีนี้
วันนี้ (20 พ.ค.) นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการสัมมนาแนวทางการแก้ไขการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ ในกิจการกลุ่มเป้าหมาย 5 รายการ ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพมหานคร ว่า สินค้า 5 ประเภท ได้แก่ กุ้ง อ้อย เครื่องนุ่งห่ม สื่อลามก และปลา ที่ไทยถูกกล่าวหาว่ามีการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ ซึ่งการจัดสัมมนานี้จะเป็นการร่วมกันหาทางออก และถอดรายการสินค้าของไทยที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงแรงงานมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ ในทุกรูปแบบที่นำไปสู่การค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะทำงานไปชี้แจงเรื่องนี้กับสหรัฐอเมริกาด้วย และหวังว่าจะได้รับความเข้าเข้าใจมากขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนนี้และต้นเดือนหน้าจะมีผู้บริหารจากบริษัท คอสโก้ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้จัดซื้อรายใหญ่ของไทยจะเดินทางมาติดตามการดำเนินงาน สังเกตการณ์แก้ไขปัญหาของไทยว่าได้มีการแก้ปัญหาจริงหรือไม่ ซึ่งปัญหาการค้ามนุษย์ถือเป็นสิ่งที่ทุกหน่วยงานของไทยต้องร่วมกันในการแก้ไข ไม่ใช่เป็นเพียงภาระของกระทรวงแรงงานเท่านั้น จะต้องร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานความมั่นคง และภาคเอกชนต่างๆ ที่ต้องร่วมแก้ไขด้วย
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ยอมรับว่า ที่ผ่านมาในช่วงเริ่มต้นยังขาดการประสานงานจากหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ปัญหา จึงทำให้ไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับ 2 ของประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง และจับตามองเป็นพิเศษในเรื่องการค้ามนุษย์ 4 ปีติดต่อกัน อีกทั้งผู้ประกอบการยังไม่ตื่นตัวเท่าที่ควร ซึ่งการจัดงานในลักษณะนี้ถือเป็นการกระตุ้นเตือนให้สาธารณชน รับรู้ความรุนแรงของปัญหา และสะท้อนให้ต่างประเทศเห็นว่าไทยพร้อมและจริงจังในการแก้ปัญหา โดยคาดว่าสินค้าจากอ้อย จะสามารถชี้แจงและปลดออกจากบัญชีจับตามองเป็นชนิดแรก เพราะผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบ หากพบเด็กในพื้นที่ไร่อ้อย ก็จะนำมาเข้าสู่สถานศึกษา ขณะเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการฝึกพนักงานตรวจแรงงาน 4 รุ่น เพื่อตรวจเรือประมง และเน้นให้มีการทำสัญญาจ้างงานให้มากที่สุด
ด้านนายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันไทยถูกอเมริกาขึ้นบัญชีสินค้า 5 รายการซึ่งถูกอเมริกามองว่าเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ ได้แก่ กุ้ง เสื้อผ้า อ้อย ปลา สื่อลามก ซึ่งในส่วนของสินค้าอ้อยจะร่วมมือกับสถานประกอบการจัดตั้งศูนย์เด็กเล็กเพื่อไม่ให้แรงงานนำลูกหลานเข้าไปในไร่อ้อยป้องกันถูกมองว่ามีการใช้แรงงานเด็กโดยจะขยายผลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนสินค้าอาหารทะเลทั้งกุ้งและปลาได้ร่วมกับกรมประมง กรมเจ้าท่าและตำรวจออกตรวจเรือประมงไม่ให้มีการใช้แรงงานบังคับและค้ามนุษย์ซึ่งขณะนี้อบรมไปแล้ว 4 รุ่น รวมทั้งผลักดันในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดด้านค้ามนุษย์
นายทรงศัก สายเชื้อ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จากการชี้แจงข้อมูลต่ออเมริกาภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ เพราะอเมริกาเปิดโอกาสให้ชี้แจงและรับฟัง ซึ่งปีนี้สินค้าของไทยที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกถอดออกจากบัญชีที่ต้องเฝ้าระวังการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับคือ สินค้าอ้อยและน้ำตาล หลังจากนั้นจะทยอยปลดสินค้าที่เหลือ ซึ่งภายใน 3 เดือนข้างหน้าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ก่อนที่อเมริกาจะประกาศการถอดบัญชีในเดือนกันยายนี้ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันเพื่อให้แสดงให้อเมริกาเห็นว่าไทยมีการแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานภาคบังคับอย่างจริงจังโดยเฉพาะในส่วนของสินค้าอ้อยและน้ำตาล เพื่อให้สินค้าอ้อยและน้ำตาลถูกถอดออกจากบัญชี ทั้งนี้ ต้องผลักดันสถานประกอบการ ใช้แนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (จีแอลพี) อย่างแพร่หลายและจริงจัง มีการสื่อสารกับสังคมไทยและต่างประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งจัดตั้งสมัชชาระดับชาติขึ้นมาดูแลการแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับและค้ามนุษย์
น.ส.ปานจิตต์ พิศวง รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่ไทยถูกขึ้นบัญชีสินค้า 5 รายการ ว่า เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับนั้นกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้าอาหารทะเลทั้งกุ้งและปลา ซึ่งอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ของไทยโดยในปี 2556 กุ้งและผลิตภัณฑ์ มีมูลค่า 5,262 ล้านบาท ขณะที่ปลาและผลิตภัณฑ์มีมูลค่า 139,941 ล้านบาท และน้ำตาลมีมูลค่า 87,197 ล้านบาท
“ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังร่วมกันแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ ซึ่งไทยต้องมีมาตรการแก้ปัญหาที่ชัดเจนเพื่อแสดงให้อเมริกาเห็นว่าไทยมีผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะสินค้าอ้อยซึ่งไทยมีโอกาสที่จะถูกถอดออกจากบัญชีสินค้านั้นเห็นด้วยกับการจัดตั้งศูนย์เด็กเล็กเพื่อแยกเด็กออกจากไร่อ้อยโดยเด็ดขาดโดยกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันสนับสนุนงบและการดำเนินการเพื่อให้เกิดผลโดยเร็ว” น.ส.ปานจิตต์ กล่าว
วันนี้ (20 พ.ค.) นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการสัมมนาแนวทางการแก้ไขการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ ในกิจการกลุ่มเป้าหมาย 5 รายการ ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพมหานคร ว่า สินค้า 5 ประเภท ได้แก่ กุ้ง อ้อย เครื่องนุ่งห่ม สื่อลามก และปลา ที่ไทยถูกกล่าวหาว่ามีการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ ซึ่งการจัดสัมมนานี้จะเป็นการร่วมกันหาทางออก และถอดรายการสินค้าของไทยที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงแรงงานมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ ในทุกรูปแบบที่นำไปสู่การค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะทำงานไปชี้แจงเรื่องนี้กับสหรัฐอเมริกาด้วย และหวังว่าจะได้รับความเข้าเข้าใจมากขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนนี้และต้นเดือนหน้าจะมีผู้บริหารจากบริษัท คอสโก้ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้จัดซื้อรายใหญ่ของไทยจะเดินทางมาติดตามการดำเนินงาน สังเกตการณ์แก้ไขปัญหาของไทยว่าได้มีการแก้ปัญหาจริงหรือไม่ ซึ่งปัญหาการค้ามนุษย์ถือเป็นสิ่งที่ทุกหน่วยงานของไทยต้องร่วมกันในการแก้ไข ไม่ใช่เป็นเพียงภาระของกระทรวงแรงงานเท่านั้น จะต้องร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานความมั่นคง และภาคเอกชนต่างๆ ที่ต้องร่วมแก้ไขด้วย
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ยอมรับว่า ที่ผ่านมาในช่วงเริ่มต้นยังขาดการประสานงานจากหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ปัญหา จึงทำให้ไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับ 2 ของประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง และจับตามองเป็นพิเศษในเรื่องการค้ามนุษย์ 4 ปีติดต่อกัน อีกทั้งผู้ประกอบการยังไม่ตื่นตัวเท่าที่ควร ซึ่งการจัดงานในลักษณะนี้ถือเป็นการกระตุ้นเตือนให้สาธารณชน รับรู้ความรุนแรงของปัญหา และสะท้อนให้ต่างประเทศเห็นว่าไทยพร้อมและจริงจังในการแก้ปัญหา โดยคาดว่าสินค้าจากอ้อย จะสามารถชี้แจงและปลดออกจากบัญชีจับตามองเป็นชนิดแรก เพราะผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบ หากพบเด็กในพื้นที่ไร่อ้อย ก็จะนำมาเข้าสู่สถานศึกษา ขณะเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการฝึกพนักงานตรวจแรงงาน 4 รุ่น เพื่อตรวจเรือประมง และเน้นให้มีการทำสัญญาจ้างงานให้มากที่สุด
ด้านนายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันไทยถูกอเมริกาขึ้นบัญชีสินค้า 5 รายการซึ่งถูกอเมริกามองว่าเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ ได้แก่ กุ้ง เสื้อผ้า อ้อย ปลา สื่อลามก ซึ่งในส่วนของสินค้าอ้อยจะร่วมมือกับสถานประกอบการจัดตั้งศูนย์เด็กเล็กเพื่อไม่ให้แรงงานนำลูกหลานเข้าไปในไร่อ้อยป้องกันถูกมองว่ามีการใช้แรงงานเด็กโดยจะขยายผลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนสินค้าอาหารทะเลทั้งกุ้งและปลาได้ร่วมกับกรมประมง กรมเจ้าท่าและตำรวจออกตรวจเรือประมงไม่ให้มีการใช้แรงงานบังคับและค้ามนุษย์ซึ่งขณะนี้อบรมไปแล้ว 4 รุ่น รวมทั้งผลักดันในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดด้านค้ามนุษย์
นายทรงศัก สายเชื้อ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จากการชี้แจงข้อมูลต่ออเมริกาภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ เพราะอเมริกาเปิดโอกาสให้ชี้แจงและรับฟัง ซึ่งปีนี้สินค้าของไทยที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกถอดออกจากบัญชีที่ต้องเฝ้าระวังการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับคือ สินค้าอ้อยและน้ำตาล หลังจากนั้นจะทยอยปลดสินค้าที่เหลือ ซึ่งภายใน 3 เดือนข้างหน้าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ก่อนที่อเมริกาจะประกาศการถอดบัญชีในเดือนกันยายนี้ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันเพื่อให้แสดงให้อเมริกาเห็นว่าไทยมีการแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานภาคบังคับอย่างจริงจังโดยเฉพาะในส่วนของสินค้าอ้อยและน้ำตาล เพื่อให้สินค้าอ้อยและน้ำตาลถูกถอดออกจากบัญชี ทั้งนี้ ต้องผลักดันสถานประกอบการ ใช้แนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (จีแอลพี) อย่างแพร่หลายและจริงจัง มีการสื่อสารกับสังคมไทยและต่างประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งจัดตั้งสมัชชาระดับชาติขึ้นมาดูแลการแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับและค้ามนุษย์
น.ส.ปานจิตต์ พิศวง รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การที่ไทยถูกขึ้นบัญชีสินค้า 5 รายการ ว่า เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับนั้นกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้าอาหารทะเลทั้งกุ้งและปลา ซึ่งอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ของไทยโดยในปี 2556 กุ้งและผลิตภัณฑ์ มีมูลค่า 5,262 ล้านบาท ขณะที่ปลาและผลิตภัณฑ์มีมูลค่า 139,941 ล้านบาท และน้ำตาลมีมูลค่า 87,197 ล้านบาท
“ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังร่วมกันแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ ซึ่งไทยต้องมีมาตรการแก้ปัญหาที่ชัดเจนเพื่อแสดงให้อเมริกาเห็นว่าไทยมีผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะสินค้าอ้อยซึ่งไทยมีโอกาสที่จะถูกถอดออกจากบัญชีสินค้านั้นเห็นด้วยกับการจัดตั้งศูนย์เด็กเล็กเพื่อแยกเด็กออกจากไร่อ้อยโดยเด็ดขาดโดยกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันสนับสนุนงบและการดำเนินการเพื่อให้เกิดผลโดยเร็ว” น.ส.ปานจิตต์ กล่าว