xs
xsm
sm
md
lg

“ยรรยง” ดิ้นอีก วอน ป.ป.ช.ใช้ตัวเลขสต๊อกที่ถูกต้อง หวั่นยึดข้อมูลที่ผิดจะทำให้วินิจฉัยผิดไปด้วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยรรยง” เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปบัญชีสต๊อกข้าวของรัฐบาล เหตุยังพบตัวเลขไม่ตรงกัน ยันหาก ป.ป.ช.ใช้ตัวเลขของอนุกรรมการปิดบัญชีจะเป็นการใช้ข้อมูลที่ผิด และนำไปสู่การวินิจฉัยที่ผิด



นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมข้อมูลเรื่องสต๊อกข้าวของรัฐบาลและการปิดบัญชีของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ที่ยังมีความแตกต่างกันกับข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยืนยันว่าจะไม่มีการตรวจสอบข้อมูลสต๊อกข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีร้องขอ ทำให้เกิดความกังวลว่าปัญหาการที่ข้อมูลของทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกันจะนำสู่คำวินิจฉัยที่ผิดพลาด

ทั้งนี้ จากการหารือกับหน่วยงานปฏิบัติ ทั้งกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) พบว่า ตัวเลขของคณะกรรมการปิดบัญชีเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2556 มีปริมาณ 1.73 ล้านตัน ทั้งที่ตัวเลขของหน่วยงานปฏิบัติ อคส. และ อ.ต.ก.แจ้งว่ามี 4.33 ล้านตัน ซึ่งมีส่วนต่างกันถึง 2.59 ล้านตัน ขณะที่การปิดบัญชีรอบที่ 2 เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2556 ตัวเลขของอณุกรรมการฯ มีปริมาณ 12.50 ล้านตัน ของหน่วยงานปฏิบัติมีปริมาณ 15.49 ล้านตัน ต่างกันถึง 2.997 ล้านตัน

สาเหตุที่ตัวเลขไม่ตรงกันเพราะ อคส. และ อ.ต.ก. รายงานตัวเลขเฉพาะข้าวสารที่รับจำนำไว้ในคลังกลาง แต่ไม่นับรวมข้าวสารที่อยู่ระหว่างการสีแปรจากโรงสี และยังไม่ได้มีการบรรจุกระสอบ ทำให้ตัวเลขเกิดความคลาดเคลื่อน ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ทำหนังสือแจ้งไปยังคณะอนุกรรมการปิดบัญชีแล้ว แต่ไม่ได้รับการตรวจสอบ และทางคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้มีมติให้แต่งตั้ง พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของปัญหาดังกล่าวแล้ว

“หากเอาตัวเลขส่วนต่างที่แจ้งมาคำนวณเป็นมูลค่า แล้วนำไปหักจากตัวเลขขาดทุน จะทำให้ผลการขาดทุนจากโครงการรับจำนำลดลง ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนว่าโครงการไม่ได้มีความเสียหายอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่หากคณะ ป.ป.ช.ไม่ยอมรับ เท่ากับว่ายอมรับตัวเลของคณะกรรมการปิดบัญชีฯ ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลที่ผิด นำไปสู่การวินิจฉัยที่ผิด เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ”

นอกจากนี้ หลักเกณฑ์การกำหนดราคาข้าวสารของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีที่ใช้หลักค่าเสื่อมสภาพข้าวอัตราเดียว 20% ต่อปี หากใช้วิธีการนี้เท่ากับข้าวที่เก็บไว้เป็นเวลา 5 ปีจะมีมูลค่าเป็นศูนย์ ซึ่งไม่เป็นความจริง ต่างจากวิธีการคำนวณของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะใช้หลักการเก็บรักษาสต๊อกข้าว เช่น ข้าวเก็บไว้ 1 ปี คิดที่อัตรา 0-10% ข้าว 2 ปี คิดอัตรา 0-20% และในปีที่ 3 อัตรา 0-30%

สำหรับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้าวถุงขององค์การคลังสินค้า เบื้องต้นมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ อคส. ข้าราชการ และเอกชนรวมทั้งหมด 20 ราย และได้ผลสรุปเบื้องต้นว่ามีส่วนเข้าข่ายการกระทำผิดตามระเบียบวินัยข้าราชการ และวินัย อคส. รวมถึงมีความผิดทางอาญาและทางแพ่ง ซึ่งหลังจากนี้จะเสนอให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ พิจารณาในสัปดาห์หน้า ส่วนกระบวนการเอาผิด อคส.ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด และเจ้าของข้าว จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยผู้เกี่ยวข้อง และต้องพิจารณาส่งเรื่องดำเนินการทางคดีต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น