การต่อสู้ขับเคลื่อนของมวลมหาประชาชนที่ก้าวย่างอย่างช้าๆ แต่มั่นคงบนเส้นทางสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และความรุนแรงนั้น ได้เดินมาใกล้จะถึงเส้นชัยแล้ว และช่วงเวลาสุดท้ายนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาของการส่งผ่านอำนาจจากพลังและเจตนารมณ์ของมวลชนไปสู่รัฐบาลปฏิรูป
ประวัติศาสตร์การต่อสู้ครั้งนี้ วิชาชีพด้านสุขภาพได้ออกมาร่วมต่อสู้เรียกร้องอย่างออกหน้าและจริงจังเคียงข้างมวลมหาประชาชน ความมุ่งมั่นและยืนหยัดเป็นเพราะเราเห็นถึงวิกฤตจากการโกงกินคอรับชั่นที่ซึมลึก ประเทศกลายเป็นบริษัท ทุกองค์กรถูกแทรกแซงเอาคนของตนเองเข้าไปนั่ง บริหารแบบชาญฉลาดด้วยนโยบายประชานิยมควบคู่กลยุทธ์กระเป๋าตุงนิยมในกลุ่มของตนเองด้วย เราต้องการการปฏิรูป เราต้องการการแก้ปัญหาประเทศ เราต้องการการลดความเหลื่อมล้ำ แพทย์พยาบาลและวิชาชีพสุขภาพเป็นอาชีพที่ได้คุยกับคนจนคนยาก ยิ่งแพทย์ในชนบทก็ยิ่งได้เห็นความทุกข์ของประชาชนมาก เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วย ได้ขุมชน ได้เห็นหายนะมากมายที่คืบคลานเข้ามาจากคำว่า”การพัฒนาและประชานิยม” สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนที่ทำให้วิชาชีพสุขภาพลุกขึ้นมาและสู้ไม่ถอย
จากบทวิเคราะห์ของหลายคนในหลายโอกาสสะท้อนความเห็นที่เป็นกำลังใจว่า มวลมหาประชาวิชาชีพสุขภาพนั้นมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนคนรากหญ้า ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับพี่น้องที่จุดยืนยังไม่ชัดเจนนัก กับที่สำคัญคือการเป็นกำลังแก่มวลมหาประชาชน มวลมหาประชาชนในยามที่เคลื่อนไหวไม่มีรถตำรวจนำหน้าแต่ก็มีรถพยาบาลตามหลังร่วมในขบวนเสมอ
จุดยืนของแพทย์ชนบทในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เรามีความชัดเจนอย่างยิ่งที่ไม่ต้องการเห็นความสูญเสีย ไม่ต้องการความรุนแรง และที่สำคัญคือไม่ต้องการการรัฐประหาร ซึ่งตลอด 6 เดือนเศษของการขับเคลื่อนก็สามารถรักษาหลักการมาได้โดยตลอด ในช่วงเวลาสำคัญใกล้ถึงซึ่งชัยชนะในไม่กี่วันนี้ หัวใจอยู่ที่การส่งต่ออำนาจและเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนไปสู่รัฐบาลใหม่และกลไกในสังคมที่จะรับภารกิจในการปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งคนที่สำคัญที่สุดที่จะต้องรับภารกิจอันสำคัญนี้คือนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
สำหรับนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น ประเทศไทยมีคนดีมีความสามารถจำนวนไม่น้อย นายกรัฐมนตรีที่สง่างามและเป็นที่ยอมรับต้องไม่ใช่ทหาร ต้องไม่ใช่นักการเมือง และเพื่อลดเงื่อนไขการโจมตีของ นปช.ก็ไม่ควรเป็นองคมนตรี นายกรัฐมนตรีคนนี้ต้องมีจุดยืนชัดเจนในการปฏิรูป และมีความสามารถในการบริหารจัดการในการนำพลังของเครือข่ายหลากหลายกลุ่มในสังคมมาร่วมกันกับผลักดันประเทศไทยไปสู่การปฏิรูปและวางระบบสำคัญสู่การกระโดดในอนาคต แต่ก็ต้องเป็นการก้าวกระโดดที่ใส่ใจกับการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสให้คนจนเข้าถึงโอกาสและทรัพยากรด้วย สังคมในอุดมคตินั้นต้องมีการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขและมีระบบที่เกื้อกูลให้คนทุกคนได้มีโอกาสในชีวิตที่จะสร้างชีวิตที่มั่นคงและมีสุขร่วมกัน
ระวัง อย่าให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ได้นายกรัฐมนตรีที่ฉวยโอกาส และทำให้พลังมวลมหาประชาชนต้องเสียของ