xs
xsm
sm
md
lg

ไวรัสอีโบลาระบาดต่างประเทศ สธ.สั่งเฝ้าระวัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไวรัสอีโบลาระบาดหนักต่างประเทศ สธ.เผยไทยเสี่ยงต่ำ แต่ไม่ประมาท สั่งเฝ้าระวังป้องกัน 3 มาตรการ ระบุไทยยังไม่เคยพบผู้ป่วย แนะประชาชนเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง หากมีอาการป่วยหลังเดินทางกลับ คือมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อและช่องท้องรุนแรง อ่อนเพลียมากวิงเวียนศีรษะ ให้รีบมาพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางด้วย

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในสาธารณรัฐกินี โดยองค์การอนามัยโลกสรุปยอดผู้ป่วย 106 ราย เสียชีวิต 66 ราย ซึ่งแพร่ระบาดจากการสัมผัสเลือด อุจจาระ หรือเหงื่อของผู้ป่วย หรือมีเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสศพโดยไม่มีการป้องกัน ว่า ที่ผ่านมาไทยยังไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสอีโบลา และแม้ว่าไทยจะมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ต่ำ แต่ก็ไม่ประมาท สธ.ได้จัดระบบเฝ้าระวังและป้องกันโรคนี้ 3 มาตรการ ได้แก่ 1.ให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค (คร.) ติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าจากองค์การอนามัยโลก ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศเฝ้าระวังผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาโรคเฉพาะ จึงต้องอาศัยระบบการเฝ้าระวังและการตรวจคัดกรอง เพื่อค้นหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ซึ่งไทยมีความเข้มแข็งในเรื่องนี้ หากพบผู้ป่วยมีอาการอยู่ในข่ายสงสัยให้รายงานทันที 2.ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตรียมความพร้อมในการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ และ 3.มาตรการดูแลรักษาหากมีผู้ป่วยที่มีอาการในข่ายสงสัย โดยใช้มาตรฐานเดียวกับการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่อที่มีอันตรายสูง เช่น ไข้หวัดนก โรคซาร์ส ซึ่งโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศมีความพร้อมอยู่แล้ว

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร.กล่าวว่า โรคอีโบลา เป็นกลุ่มโรคไข้เลือดออกชนิดหนึ่ง เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสชนิดเฉียบพลันรุนแรงที่มีอัตราป่วยตายสูง อัตราการแพร่ระบาดสูงและเร็ว มีอัตราตายค่อนข้างสูงคือร้อยละ 50-90 เชื้อมีระยะฟักตัว 2-21 วัน อาการของผู้ป่วยคือมีไข้สูงทันที อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะมาก ตามด้วยอาการเจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงขึ้นตามตัว ในรายที่รุนแรงหรือในบางรายที่เสียชีวิตจะมีอาการเลือดออกง่าย โดยมักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทำลาย ไตวาย มีอาการทางระบบประสาทส่วนกลางและช็อก อวัยวะหลายระบบเสื่อมหน้าที่ ขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่มีคำแนะนำห้ามเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง อย่างไรก็ดี ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดโรคชนิดนี้ หากมีอาการป่วยคล้ายอาการที่กล่าวมา ขอให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้การดูแล ป้องกันการเสียชีวิต

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า เชื้อไวรัสอีโบลา ติดต่อกันได้จากการสัมผัสเลือด อุจจาระ หรือเหงื่อของผู้ป่วยโดยตรง หรือมีเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสศพผู้เสียชีวิตจากโรคนี้โดยไม่มีการป้องกัน ดังนั้นการป้องกันโรคอีโบลา ผู้ติดเชื้อโรคนี้ต้องงดมีเพศสัมพันธ์หลังการเจ็บป่วยเป็นเวลา 3 เดือน หรือจนกระทั่งตรวจไม่พบไวรัสในน้ำอสุจิ โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ โทร.0 2590 3159, 3538 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422


กำลังโหลดความคิดเห็น