กกจ.เปิดให้นายจ้างยื่นเอกสารแรงงานต่างด้าวต่ออายุวีซ่า หลังครบกำหนดอยู่ไทย 4 ปี แก้ปัญหานายจ้างขาดแคลนแรงงาน
วันนี้ (1 เม.ย.) นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ ครม.มีมติเห็นชอบผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี ที่ถือหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) หนังสือเดินทางชั่วคราว หรือเอกสารรับรองบุคคล แต่อาศัยอยู่ในไทยเกินกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต ให้อยู่ในไทยเป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 180 วัน หรือจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ เพื่อให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปขอรับการตรวจลงตรา และประทับตราอนุญาตให้อยู่ในไทยและขอรับใบอนุญาตทำงานเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น กกจ.จะเรียกประชุมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานจังหวัดทุกแห่งเพื่อชี้แจงแนวปฏิบัติตามมติ ครม.ดังกล่าวในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ที่โรงแรมสวิส โซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ
นายเดชา กล่าวอีกว่า ขณะนี้นายจ้างสามารถมายื่นเอกสารของลูกจ้างต่างด้าว ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง เพื่อส่งต่อให้ กกจ.ดำเนินการส่งเอกสารให้สถานทูตประเทศต้นทางตรวจสอบ และรับรองสถานะก่อนส่งเอกสารกลับมาให้ กกจ.ซึ่งหลังจากนั้นจะส่งเอกสารของแรงงานต่างด้าวที่ประเทศต้นทางรับรองไปยังศูนย์วันสตอปเซอร์วิส เพื่อแจ้งให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการขอต่อวีซ่าตามกำหนดหมดอายุของพาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทางชั่วคราว หลังจากนั้น กกจ.จะออกใบอนุญาตทำงานให้ใหม่ โดยขณะนี้ กกจ.เปิดศูนย์วันสตอปเซอร์วิสขึ้นมาแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จังหวัดระนอง และจะเปิดศูนย์เพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ที่สมุทรสาคร สมุทรปราการ ในเดือนเมษายนนี้
“มติ ครม.ดังกล่าวช่วยแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว เพราะนายจ้างยังมีความต้องการลูกจ้างต่างด้าวอยู่ เนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน ขณะที่ลูกจ้างก็ไม่อยากกลับประเทศ ยังอยากทำงานในไทยต่อไป โดยแรงงานกลุ่มนี้เป็นแรงงานถูกกฎหมาย หากไม่บริหารจัดการให้ดีจะกลายเป็นแรงงานเถื่อน” นายเดชา กล่าว
วันนี้ (1 เม.ย.) นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ ครม.มีมติเห็นชอบผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี ที่ถือหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) หนังสือเดินทางชั่วคราว หรือเอกสารรับรองบุคคล แต่อาศัยอยู่ในไทยเกินกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต ให้อยู่ในไทยเป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 180 วัน หรือจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ เพื่อให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปขอรับการตรวจลงตรา และประทับตราอนุญาตให้อยู่ในไทยและขอรับใบอนุญาตทำงานเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น กกจ.จะเรียกประชุมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานจังหวัดทุกแห่งเพื่อชี้แจงแนวปฏิบัติตามมติ ครม.ดังกล่าวในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ที่โรงแรมสวิส โซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ
นายเดชา กล่าวอีกว่า ขณะนี้นายจ้างสามารถมายื่นเอกสารของลูกจ้างต่างด้าว ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง เพื่อส่งต่อให้ กกจ.ดำเนินการส่งเอกสารให้สถานทูตประเทศต้นทางตรวจสอบ และรับรองสถานะก่อนส่งเอกสารกลับมาให้ กกจ.ซึ่งหลังจากนั้นจะส่งเอกสารของแรงงานต่างด้าวที่ประเทศต้นทางรับรองไปยังศูนย์วันสตอปเซอร์วิส เพื่อแจ้งให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการขอต่อวีซ่าตามกำหนดหมดอายุของพาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทางชั่วคราว หลังจากนั้น กกจ.จะออกใบอนุญาตทำงานให้ใหม่ โดยขณะนี้ กกจ.เปิดศูนย์วันสตอปเซอร์วิสขึ้นมาแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จังหวัดระนอง และจะเปิดศูนย์เพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ที่สมุทรสาคร สมุทรปราการ ในเดือนเมษายนนี้
“มติ ครม.ดังกล่าวช่วยแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว เพราะนายจ้างยังมีความต้องการลูกจ้างต่างด้าวอยู่ เนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน ขณะที่ลูกจ้างก็ไม่อยากกลับประเทศ ยังอยากทำงานในไทยต่อไป โดยแรงงานกลุ่มนี้เป็นแรงงานถูกกฎหมาย หากไม่บริหารจัดการให้ดีจะกลายเป็นแรงงานเถื่อน” นายเดชา กล่าว