อธิบดี กกจ.สั่งจัดหางานเชียงใหม่แจ้งความนายหน้าปลอมเอกสารออกใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าว เผยหลอกลวงนายจ้างเรียกเก็บหัวละ 6-7 พันบาท แนะนายจ้างแจ้งความเอาผิดในคดีฉ้อโกง ชี้ตรวจสอบได้ไม่ยาก ทุก 3 เดือนแรงงานต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตทำงานถูกต้อง ต้องไปด่าน ตม.ประทับลงตราวีซ่าสามารถตรวจสอบได้
วันนี้ (12 มี.ค.) นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่มีขบวนการปลอมแปลงการออกเอกสารใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขบวนการลักษณะนี้พบบ่อยครั้ง เนื่องจากปีที่ผ่านมา กกจ.ออกใบอนุญาตการทำงานให้แก่แรงงานต่างด้าวไม่ทัน จึงอนุญาตให้ใช้ใบเสร็จรับเงินและใบ ทร.38/1 แทนใบอนุญาตในระหว่างรอการออกเอกสาร จึงเป็นสาเหตุให้กลุ่มมิจฉาชีพซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มนายหน้าอาศัยช่องว่างนี้หลอกลวงนายจ้างโดยแอบอ้างว่าสามารถดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานให้แรงงานต่างด้าวได้
นายประวิทย์ กล่าวอีกว่า ขบวนการลักษณะนี้นอกจากพบที่จ.เชียงใหม่แล้ว ยังพบในพื้นที่อื่นๆ เช่น กรุงเทพฯย่านรามอินทราด้วย ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าบริการหัวละ 6- 7 พันบาท ทั้งนี้ ขอเตือนนายจ้างที่ไม่แน่ใจว่าเอกสารที่ตนเองมีเป็นเอกสารจริงหรือไม่นั้น ให้นำเอกสารไปสอบถามที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ ส่วนการดำเนินคดีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวในข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ส่วนนายจ้างที่ถูกหลอกลวงให้ไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง
“การตรวจสอบนั้นทำได้ไม่ยากเพราะทุก 3 เดือนแรงงานต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตการทำงานอย่างถูกต้อง จะต้องเดินทางไปด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจลงตราประทับวีซ่า เจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางานประจำอยู่อยู่ตามด่านตม.ต่างๆ เพื่อตรวจเอกสาร หากพบเป็นเอกสารเท็จจะไม่ได้รับการตรวจลงตราประทับวีซ่าให้ทำงานอยู่ในประเทศไทยได้ เมื่อ กกจ.ตรวจสอบแล้วพบว่าถูกหลอก นายจ้างก็สามารถพาแรงงานต่างด้าวไปยื่นเอกสารเพื่อขอใบอนุญาตการทำงานใหม่ได้” อธิบดีกกจ.กล่าว
วันนี้ (12 มี.ค.) นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่มีขบวนการปลอมแปลงการออกเอกสารใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขบวนการลักษณะนี้พบบ่อยครั้ง เนื่องจากปีที่ผ่านมา กกจ.ออกใบอนุญาตการทำงานให้แก่แรงงานต่างด้าวไม่ทัน จึงอนุญาตให้ใช้ใบเสร็จรับเงินและใบ ทร.38/1 แทนใบอนุญาตในระหว่างรอการออกเอกสาร จึงเป็นสาเหตุให้กลุ่มมิจฉาชีพซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มนายหน้าอาศัยช่องว่างนี้หลอกลวงนายจ้างโดยแอบอ้างว่าสามารถดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานให้แรงงานต่างด้าวได้
นายประวิทย์ กล่าวอีกว่า ขบวนการลักษณะนี้นอกจากพบที่จ.เชียงใหม่แล้ว ยังพบในพื้นที่อื่นๆ เช่น กรุงเทพฯย่านรามอินทราด้วย ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าบริการหัวละ 6- 7 พันบาท ทั้งนี้ ขอเตือนนายจ้างที่ไม่แน่ใจว่าเอกสารที่ตนเองมีเป็นเอกสารจริงหรือไม่นั้น ให้นำเอกสารไปสอบถามที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ ส่วนการดำเนินคดีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวในข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ส่วนนายจ้างที่ถูกหลอกลวงให้ไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง
“การตรวจสอบนั้นทำได้ไม่ยากเพราะทุก 3 เดือนแรงงานต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตการทำงานอย่างถูกต้อง จะต้องเดินทางไปด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจลงตราประทับวีซ่า เจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางานประจำอยู่อยู่ตามด่านตม.ต่างๆ เพื่อตรวจเอกสาร หากพบเป็นเอกสารเท็จจะไม่ได้รับการตรวจลงตราประทับวีซ่าให้ทำงานอยู่ในประเทศไทยได้ เมื่อ กกจ.ตรวจสอบแล้วพบว่าถูกหลอก นายจ้างก็สามารถพาแรงงานต่างด้าวไปยื่นเอกสารเพื่อขอใบอนุญาตการทำงานใหม่ได้” อธิบดีกกจ.กล่าว
