กพร.เปิดสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 1 จ.สมุทรปราการ เป็นฐานพัฒนาแรงงาน รองรับการขยายตัวในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ ยกไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
วันนี้ (31 มี.ค.) นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาแนวทางการพัฒนากำลังแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ ว่า เป็นการระดมภาคเอกชนและภาครัฐ เพื่อที่จะกำหนดทิศทางการพัฒนาแรงงานรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 1 จ.สมุทรปราการ เป็นศูนย์ในการพัฒนาแรงงาน เพื่อผลิตแรงงานที่มีศักยภาพป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ ซึ่งขณะนี้มียอดการส่งออกเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของอาเซียน ซึ่งแต่ละปีสามารถผลิตได้ประมาณ 2.5 ล้านคัน จะเพิ่มเป็น 3 ล้านคัน ในปี 2563 จึงมีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นประมาณ 2 แสนคน อีกทั้งยังเชื่อว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปอีกกว่า 20 ปี
ด้าน นายถาวร ชลัษเฐียร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายบริหาร บริษัท เด็นโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะประธานอนุกรรมการพัฒนากรอบยุทธศาสตร์ การพัฒนากำลังแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีกำลังแรงงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ฯกว่า 660,000 คน กำลังการผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2556 อยู่ที่ปีละ 2.4 ล้านคัน โดยปีนี้คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.2-2.3 ล้านคัน ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากมีสถานการณ์ทางการเมือง และในปี 2563 คาดว่าจะให้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 3.5 ล้านคัน ซึ่งจะต้องร่วมกันวางแผนพัฒนากำลังแรงงานให้เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ โดยจะต้องให้สัดส่วนแรงงานระดับล่างต่ำกว่าร้อยละ 40 จากปัจจุบันมีร้อยละ 55 ปวช.-ปวส.อยู่ที่ร้อยละ 35-40 จากปัจจุบันร้อยละ 35 และระดับปริญญาตรีร้อยละ 15 จากปัจจุบันมีอยู่ร้อยละ 10 ผ่านการพัฒนาในสถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยายนยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ที่จะเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังภายในสิ้นปีนี้
“ยอมรับว่าหากไม่เร่งพัฒนาศักยภาพแรงงานจะทำให้เสียอันดับการส่งออกรถยนต์ที่มากที่สุดในเอเชียได้ เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศมีปัจจัยที่จะสามารถผลิตรถยนต์ได้จำนวนมาก เช่น ประเทศอินโดนีเซียที่มีประชากรถึง 250 ล้านคน ประเทศเวียดนาม ที่มีจำนวนประชากรประมาณ 80 ล้าน ซึ่งมากกว่าไทย ขณะที่ประเทศมาเลเซียมีการผ่อนกฎหมายเพื่อเอื้อให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น” นายถาวร กล่าว