xs
xsm
sm
md
lg

กทม.แชมป์ซิ่งเมาแล้วขับ ห่วงสงกรานต์ยอดทำผิดพุ่ง จี้ ตร.เข้มตั้งด่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สงกรานต์ขับขี่ผิดกฎหมายเพียบ คดีเมาแล้วขับขึ้นแท่นอันดับ 1 กทม.ครองแชมป์เมืองนักซิ่ง ด้าน สคล.ชี้พาหนะยอดอันตราย 80% ยังเป็นจักรยานยนต์ ห่วงสงกรานต์นี้ยอดทำผิด กม.พุ่ง น้ำเมาต้นตอหลัก จี้ตำรวจเข้มตั้งด่านจับ ปรับจริง

วันนี้ (24 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ลานกิจกรรมใต้สะพานพระราม 8 สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม จัดกิจกรรมรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัย มอเตอร์ไซค์งดเหล้า” เพื่อเชิญชวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและขณะขับขี่หรือซ้อนท้าย รวมถึงตระหนักต่อพฤติกรรมเสี่ยงช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมี นางสาวรื่นฤดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม เป็นประธานปล่อยขบวนรถจักรยานยนต์ ภายในงานมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 100 คน

นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นเตือนให้ประชาชนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ ซึ่งครอบคลุมถึงรถจักรยานยนต์ ฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และรณรงค์ดื่มไม่ขับ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาวันที่ 27 ธันวาคม 2556-2 มกราคม 2557 มีสถิติคดี พ.ร.บ.จราจรทางบกที่ศาลมีคำสั่งคุมประพฤติ จำนวน 4,508 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถ ขณะเมาสุรา จำนวน 3,797 คดี คดีขับรถประมาท จำนวน 24 คดี และคดีอื่นๆ687คดี เมื่อเปรียบเทียบคดีขับรถขณะเมาสุรา เทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2556 ซึ่งมีจำนวน 4,635 คดี พบว่าสถิติคดีขับรถขณะเมาสุรา ลดลง 18.07%

ทั้งนี้ จากสถิติสงกรานต์ปีที่ผ่านมา ช่วงวันที่ 11-17 เม.ย.พบผู้กระทำผิดคดี พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่ศาลสั่งคุมประพฤติทั่วประเทศ 4,862 คดี เกือบทั้งหมดเป็นคดีเมาแล้วขับ 4,691 คดี ตามมาด้วยคดีขับรถประมาท 63 คดี และคดีอื่นอีก 108 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555 ซึ่งมีคดีเมาแล้วขับ 5,005 คดี พบว่าสถิติเมาแล้วขับลดลง 6.27% โดยจังหวัดที่มีคดี พ.ร.บ.จราจรทางบก มากที่สุด คือ กรุงเทพฯ 416 คดี

“ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ คิดเป็น78.71% ซึ่งพฤติกรรมการดื่มแล้วขี่และซ้อนท้ายของผู้ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ เป็นปัจจัยหลักของอุบัติเหตุ ที่สำคัญ การเล่นน้ำสงกรานต์กับผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปกติมีความเสี่ยงจากถนนลื่นจากการเปี๊ยกน้ำและแป้งอยู่แล้ว แต่จะอันตรายมากขึ้นหลายเท่าเมื่อทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อนท้ายดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังไม่นับรวมพฤติกรรมการคุกคามทางเพศ ทะเลาะวิวาท ซึ่งมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้น” นางสาวรื่นฤดี กล่าว

นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวระหว่างเสวนา “มอเตอร์ไซค์+สุรา ความสูญเสียสงกรานต์หายนะที่หยุดไม่ได้จริงหรือ” ว่า กลุ่มที่เกิดปัญหาอุบัติเหตุมากที่สุดคือผู้ใช้รถจักรยานยนต์ จากข้อมูลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปีที่ผ่านมาช่วงสงกรานต์ 7 วันอันตราย พบว่า มีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรทางบก 3,040 ราย และเสียชีวิต 321 ราย ถือว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ แต่ที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องทุกปีคือ เมาสุรายังเป็นสาเหตุหลัก คิดเป็น 39.11% รถจักรยานยนต์ยังเป็นเจ้ายานพาหนะอันตรายมากถึง 70-80% ของอุบัติเหตุทุกปี ขณะที่ผู้ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะกระทำผิดและถูกดำเนินคดีเมาสุรา14,514 คดี สูงขึ้นจากปี 2555 จำนวน 681 คดี และข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า จักรยานยนต์มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงมากกว่ารถยนต์สี่ล้อ ถึง 4 เท่า ที่สำคัญ ผู้ขับขี่กว่า 50% คิดว่าไม่จำเป็นต้องใส่หมวกเพราะไปใกล้ๆ 25% คิดว่าการขี่ย้อนศรไม่อันตรายหากเพิ่มความระวัง ขณะที่ 20% มองว่าการดื่มแต่ยังครองสติได้ ก็ยังพอขี่รถได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด

การตั้งด่านเพื่อควบคุมพฤติกรรมเมาแล้วขับเล่นน้ำ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถเร็ว ขับตัดหน้า ยังถูกปล่อยปละละเลย โดยเฉพาะตามต่างจังหวัดและในชุมชน เมื่อเจอด่านก็ปล่อยไปไม่เอาผิด ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระหนักบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมถึงเอาผิดร้านค้าที่ขายสุราให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ขายให้คนเมาขาดสติ ซึ่งจะทำให้มีความคึกคะนอง ขับรถเสี่ยงอันตราย และเร่งจัดโซนนิงพื้นที่เล่นน้ำที่ปลอดภัย หากปล่อยไว้อย่างนี้อุบัติเหตุช่วงสงกรานต์คงไม่ลดลงอย่างแน่นอน” นายธีระ กล่าว

ด้าน นายสัณห์ สอนรักษ์ อายุ 39 ปี เหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า ปัจจุบันตนต้องการเป็นคนพิการนั่งวีลแชร์ เพราะเมื่อ 2 0ปีที่แล้ว ถูกคนเมาขับรถกระบะชนท้าย แล้วรถจักรยานยนต์ที่ตนขับอยู่กระเด็นไปชนราวสะพาน จนทำให้เส้นเลือดใหญ่และเบ้าหัวไหล่แตก ต้องผ่าตัดเอากระดูกจากสะโพกมาหนุนต้นคอ ลูกสะบ้าที่ขาต้องใส่นอต ส่วนคนที่ขับพอชนแล้วหนีไม่รับผิดชอบ และตอนนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า

“แรกๆ ยังทำใจไม่ได้ ปรับตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะต้องกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต เพียงเพราะคนเมาที่ดื่มบนรถแล้วขับมาชน ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ ต้องฟื้นฟูร่างกายและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนผู้ขับขี่โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่ใกล้เข้ามาถึงนี้ ว่าอย่าประมาท ต้องใส่หมวกนิรภัย เมาไม่ขับ ไม่ดื่มสุราบนรถ ที่สำคัญควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม” นายสัณห์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น