วุ่นวายอีกหน! สพฐ.ยกเลิกประมูลแท็บเล็ต โซน 4 ชี้จัดส่งล่าช้า เตรียมยึดค่าปรับและหลักทรัพย์ค้ำประกันกว่า 150 ล้านบาท คาดสัปดาห์หน้าแจ้ง บ.จัสมินฯ รับทราบ ก่อนประมูลใหม่ ระบุหากมีค่าเสียหายเพิ่มจากประมูลใหม่จะฟ้องร้อง ส่วนโซน 3 เซ็นสัญญาแล้ว 11 มี.ค.ที่ผ่านมาคาดส่งของได้เดือน มิ.ย.นี้
วันนี้ (21 มี.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ว่า ที่ประชุมได้รับทราบตามที่ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รายงานว่าจะดำเนินการยกเลิกสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างแท็บเล็ต กับบริษัท จัสมิน เทเลคอมซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลแท็บเล็ต ปีการศึกษา 2556 ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และครู (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) หรือโซน 4 จำนวน 402,889 เครื่อง มูลค่า 873,866,241 บาท โดยสาเหตุที่ต้องยกเลิกสัญญาเนื่องจาก บ.จัสมินฯ ไม่สามารถจัดส่งเครื่องแท็บเล็ตได้ตามกำหนดสัญญาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2556 ที่ผ่านมา และเข้าสู่กระบวนการปรับรายวันๆ ละ 1.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.2% ของมูลค่าแท็บเล็ตที่ยังไม่ส่งมอบจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 74 วัน เป็นเงินประมาณ 114.6 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์หน้า สพฐ.จะส่งหนังสือยกเลิกสัญญาไปยัง บ.จัสมินฯ และส่งไปยังธนาคารเพื่อให้ทราบว่า สพฐ.จะต้องริบเงินจำนวน 40 ล้านบาท ที่บริษัทวางหลักทรัพย์ค้ำประกันไว้ รวมเป็นเงินที่ สพฐ.ต้องยึดทั้งสิ้น จำนวน 154.6 ล้านบาท
“การยกเลิกสัญญาครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบกรมบัญชีกลาง ที่ระบุว่า ถ้าบริษัทส่งแท็บเล็ตล่าช้าเกิน 10% ของวงเงินค้ำประกัน ให้ยกเลิกสัญญาได้ ซึ่ง บ.จัสมินฯ ลงนามเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 2556 ครบกำหนดส่งของวันที่ 22 ธ.ค.2556 จากนั้น บ.จัสมินฯ มีหนังสือถึง สพฐ.กำหนดส่งของล็อตแรกเดือน ก.พ.2557 ล็อตสุดท้ายเดือนเมษายน 2557 ต่อมาวันที่ 6 ก.พ.2557 บ.จัสมินฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งยกเลิกแผนการจัดส่งแท็บเล็ต ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับ สพฐ.ได้ประชุมกับผู้แทน บ.จัสมินฯ ขอให้เร่งทำแผนจัดส่งมาภายในวันที่ 4 มี.ค.2557 จนถึงวันนี้เลยเวลาการจัดส่งแท็บเล็ตมาประมาณ 74 วัน และขัดกับระเบียบกรมบัญชีกลาง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ ทางคณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงมีมติยกเลิกสัญญาและให้จัดประมูลใหม่ ซึ่งในการประมูลใหม่หากมีค่าเสียหายที่เป็นส่วนต่างอันเนื่องจากการประมูลครั้งใหม่ ก็จะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก บ.จัสมินฯ ด้วย โดยสำนักงานอัยการสูงสุดจะเป็นผู้ฟ้องร้องแทนราชการ และจะมีการแจ้งขึ้นแบล็กลิตส์ด้วย ซึ่งจะเป็นกรณีเดียวกับการยกเลิกโซนที่ 1 ป.1 (ภาคกลางและภาคใต้) และโซนที่ 2 ป.1 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)”นายจาตุรนต์ กล่าว
รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าในการประมูลแท็บเล็ตโซน 1, 2 ได้มีการทดสอบการตกกระแทกไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา และจะมีการอี-ออกชัน วันที่ 26 มีนาคม เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา และสามรถส่งแท็บเล็ตให้เด็กได้ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน นี้ ส่วนการดำเนินการในโซนที่ 3 ชั้น ม.1 (ภาคกลางและภาคใต้ ) สพฐ.ได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด แล้วเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้ทางบริษัท สุพรีมฯ จะต้องส่งแท็บเล็ตให้ครบภายใน 90 วัน หากมีปัญหาในการจัดส่งล้าช้าอีกก็คงต้องยกเลิกเช่นกัน
วันนี้ (21 มี.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ว่า ที่ประชุมได้รับทราบตามที่ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รายงานว่าจะดำเนินการยกเลิกสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างแท็บเล็ต กับบริษัท จัสมิน เทเลคอมซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลแท็บเล็ต ปีการศึกษา 2556 ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และครู (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) หรือโซน 4 จำนวน 402,889 เครื่อง มูลค่า 873,866,241 บาท โดยสาเหตุที่ต้องยกเลิกสัญญาเนื่องจาก บ.จัสมินฯ ไม่สามารถจัดส่งเครื่องแท็บเล็ตได้ตามกำหนดสัญญาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2556 ที่ผ่านมา และเข้าสู่กระบวนการปรับรายวันๆ ละ 1.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.2% ของมูลค่าแท็บเล็ตที่ยังไม่ส่งมอบจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 74 วัน เป็นเงินประมาณ 114.6 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์หน้า สพฐ.จะส่งหนังสือยกเลิกสัญญาไปยัง บ.จัสมินฯ และส่งไปยังธนาคารเพื่อให้ทราบว่า สพฐ.จะต้องริบเงินจำนวน 40 ล้านบาท ที่บริษัทวางหลักทรัพย์ค้ำประกันไว้ รวมเป็นเงินที่ สพฐ.ต้องยึดทั้งสิ้น จำนวน 154.6 ล้านบาท
“การยกเลิกสัญญาครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบกรมบัญชีกลาง ที่ระบุว่า ถ้าบริษัทส่งแท็บเล็ตล่าช้าเกิน 10% ของวงเงินค้ำประกัน ให้ยกเลิกสัญญาได้ ซึ่ง บ.จัสมินฯ ลงนามเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 2556 ครบกำหนดส่งของวันที่ 22 ธ.ค.2556 จากนั้น บ.จัสมินฯ มีหนังสือถึง สพฐ.กำหนดส่งของล็อตแรกเดือน ก.พ.2557 ล็อตสุดท้ายเดือนเมษายน 2557 ต่อมาวันที่ 6 ก.พ.2557 บ.จัสมินฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งยกเลิกแผนการจัดส่งแท็บเล็ต ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับ สพฐ.ได้ประชุมกับผู้แทน บ.จัสมินฯ ขอให้เร่งทำแผนจัดส่งมาภายในวันที่ 4 มี.ค.2557 จนถึงวันนี้เลยเวลาการจัดส่งแท็บเล็ตมาประมาณ 74 วัน และขัดกับระเบียบกรมบัญชีกลาง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ ทางคณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงมีมติยกเลิกสัญญาและให้จัดประมูลใหม่ ซึ่งในการประมูลใหม่หากมีค่าเสียหายที่เป็นส่วนต่างอันเนื่องจากการประมูลครั้งใหม่ ก็จะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก บ.จัสมินฯ ด้วย โดยสำนักงานอัยการสูงสุดจะเป็นผู้ฟ้องร้องแทนราชการ และจะมีการแจ้งขึ้นแบล็กลิตส์ด้วย ซึ่งจะเป็นกรณีเดียวกับการยกเลิกโซนที่ 1 ป.1 (ภาคกลางและภาคใต้) และโซนที่ 2 ป.1 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)”นายจาตุรนต์ กล่าว
รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าในการประมูลแท็บเล็ตโซน 1, 2 ได้มีการทดสอบการตกกระแทกไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา และจะมีการอี-ออกชัน วันที่ 26 มีนาคม เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา และสามรถส่งแท็บเล็ตให้เด็กได้ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน นี้ ส่วนการดำเนินการในโซนที่ 3 ชั้น ม.1 (ภาคกลางและภาคใต้ ) สพฐ.ได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด แล้วเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้ทางบริษัท สุพรีมฯ จะต้องส่งแท็บเล็ตให้ครบภายใน 90 วัน หากมีปัญหาในการจัดส่งล้าช้าอีกก็คงต้องยกเลิกเช่นกัน