xs
xsm
sm
md
lg

เซ็นแล้ว! คำสั่งปลด “ศศิธารา” ออกจากราชการมีผลตั้งแต่ 18 มี.ค.ฟากอดีตเลขาฯ สกศ.ยังเก็บตัวเงียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“จาตุรนต์” เซ็นแล้ว! คำสั่งปลดออกจากราชการ “ศศิธารา” มีผลตั้งแต่ 18 มี.ค.เป็นต้นไป ชี้สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ภายใน 30 วัน พร้อมเตรียมส่งหนังสือคำสั่งทางไปรษณีย์ไปให้ที่บ้าน “ศศิธารา” เหตุส่งไปยัง สกศ.แต่ไม่อยู่รับ รวมทั้งแจ้งไปยังสำนักอำนวยการ สกศ.ว่าหนังสือคำสั่งมีผลแล้วไม่สามารถทำหน้าที่เลขาธิการ สกศ.ต่อได้ ขณะที่ เจ้าตัว ยังเก็บตัวเงียบ แต่ส่งคนไปขนของออกตั้งแต่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์
วันนี้ (19 มี.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง มีมติปลดออกจากราชการ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา สืบเนื่องจากผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีเอกสารจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่2 (SP2) สูญหายและส่อว่าอาจมีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างรัฐบาลรักษาการ ตนในฐานะผู้สั่งบรรจุแต่งตั้งตามมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือนฯ จึงต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งทาง กกต.มีหนังสือลงวันที่ 17 มี.ค. 2557 แจ้งมายัง ศธ.ว่า กกต.มีมติเห็นชอบกรณี รมว.ศึกษาธิการ มีคำสั่งปลด น.ส.ศศิธารา ข้าราชการ ศธ.ออกจากราชการ

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ตนได้ลงนามในหนังสือ เลขที่ สร.269/2557 เรื่องลงโทษปลด น.ส.ศศิธารา ออกจากราชการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.เป็นต้นไป ซึ่งผู้ถูกลงโทษมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ขณะเดียวกัน ตนได้รายงานผลการลงโทษข้าราชการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลฯเพื่อให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ น.ส.ศศิธารา พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการ สกศ.นับแต่วันที่มีคำสั่ง และได้มีหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อทราบและพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับคำสั่งดังกล่าวจะมีผลอย่างสมบูรณ์ เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา ซึ่งจะให้มีผลตั้งแต่วันที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ลงนามในคำสั่งปลดออกจากราชการ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 18 มี.ค.นั้นตนได้ให้เจ้าหน้าที่นำหนังสือคำสั่งปลด น.ส.ศศิธารา ไปให้เจ้าตัวรับทราบที่ สกศ.แต่ไม่พบน.ส.ศศิธารา ดังนั้นในวันนี้ (9 มี.ค.) ทางเจ้าหน้าที่จะส่งหนังสือแจ้งคำสั่งปลดออกจากราชการ น.ส.ศศิธารา ทางไปรษณีย์ไปยังที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้าน รวมถึงแจ้งไปยังสำนักอำนวยการ สกศ.ว่าคำสั่งปลดออก น.ส.ศศิธารา มีผลแล้ว เพราะฉะนั้น น.ส.ศศิธารา จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเลขาธิการ สกศ.ได้อีกต่อไป

สำหรับการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สกศ.แทนนั้น จะต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อนจึงจะดำเนินการแต่งตั้ง ทั้งนี้ ส่วนอีก 2 คดี ได้แก่ เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าทำสัญญากำหนดค่าปรับในสัญญาที่แตกต่างกันบางฉบับกำหนดค่าปรับร้อยละ 0.02 บางฉบับ ร้อยละ 0.2 ทั้งที่เป็นการจัดซื้อในคราวเดียวกันทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง และเรื่องการมีพฤติการณ์ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ครุภัณฑ์ที่จัดซื้อไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ กระบวนการจัดซื้อ เป็นต้นว่า การประกวดราคา การทำสัญญา และการตรวจรับครุภัณฑ์เป็นไปโดยมิชอบ อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่าเป็นความผิดซึ่งมีโทษสูงกว่าคดีนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ลงโทษใหม่ได้ ส่วนมติครั้งนี้จะเชื่อมโยงไปถึงคดี การทุจริตต่างๆ หรือไม่นั้น เรื่องนี้ถือเป็น คำสั่งลงโทษข้าราชการภายในศธ. เป็นคนละกระบวนการกับการทุจริต แต่หากมีการขอข้อมูลมายังคณะกรรมการสอบสวน ก็ต้องดูข้อกฎหมายว่าสามารถให้ข้อมูลได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ น.ส.ศศิธารา เพื่อขอสัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว แต่ไม่มีผู้รับสาย ขณะที่ช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น.ของวันนี้ (19 มี.ค.) น.ส.ศศิธารา ซึ่งมีกำหนดการไปเป็นประธานเปิดการอบรม “Training Workshop for Thai Education Staffs on ISCED 2011 and Education Statistics” ที่โรงแรมสุโกศล แต่ก็ได้แจ้งยกเลิกอย่างกะทันหัน นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า น.ส.ศศิธารา ได้ให้คนเข้ามาเก็บใช้ส่วนตัวที่ สกศ.ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.และไม่ได้เข้ามาทำงานที่ สกศ. อีกเลย
 

กำลังโหลดความคิดเห็น