โดย...ศ.นพ.พิสิฐ ตั้งกิจวาณิชย์ ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะ นักวิจัยดีเด่น ประจำปี 2556 ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวรัสตับอักเสบ
ไวรัสตับอักเสบเป็นกลุ่มเชื้อไวรัสที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะอาศัยอยู่ที่ตับ มีทั้งไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ไวรัสตับอักเสบซีเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับในคนไทยและประชากรทั่วโลก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยเป็นโรคนี้จะมีประวัติการติดเชื้อจากทางเลือด ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเลือดจากการเสียเลือดหรือตกเลือดจากการคลอดบุตร เป็นโรคโลหิตจาง เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีการตรวจกรองไวรัสตับอักเสบซีในเลือด
ส่วนสาเหตุอื่นๆ เช่น จากการเสพยาเสพติดด้วยการใช้เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาดร่วมกัน นอกจากนี้ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV จะมีโอกาสในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้ง่ายขึ้น ส่วนการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยการถ่ายทอดจากแม่ที่ตั้งครรภ์สู่ลูกมีโอกาสเป็นไปได้แต่น้อย
จากการศึกษาวิจัยพบว่าไวรัสตับอักเสบซีมีสายพันธุ์ต่างๆ ที่มีความหลากหลาย ในทั่วโลกมีทั้งหมด 7 สายพันธุ์ ในประเทศไทยมี 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 1, 3, 6 ซึ่งในการรักษานั้นจะยากง่ายต่างกัน ในงานวิจัยพบว่าในประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ประมาณ 2% ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าป่วยเป็นโรคนี้เนื่องจากไม่มีการแสดงอาการออกมาชัดเจน ส่วนใหญ่จะพบเมื่อมีการตรวจสุขภาพหรือบริจาคเลือดแล้วพบว่าการทำงานของตับผิดปกติ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้เมื่อมีอาการเรื้อรังของโรคตับ เช่น ตับแข็ง ตาเหลือง ตัวเหลือง ขาบวม ผู้ป่วยบางคนอาจทราบเมื่อป่วยเป็นมะเร็งที่ลุกลามแล้ว ปัจจุบันโรงพยาบาลต่างๆสามารถตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคนี้ได้ในเบื้องต้นโดยการตรวจเลือดเพื่อหาสารบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับไวรัส และทำการการตรวจยืนยันอีกครั้งว่าเป็นโรคนี้จริงหรือไม่
วิธีการรักษาไวรัสตับอักเสบซีสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยา โดยการฉีดยาร่วมกับการรับประทานยา ต้องทำการรักษาต่อเนื่องจนครบกำหนดซึ่งใช้เวลานาน ครึ่งปี - 1 ปี การรักษาจะได้ผลแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัส ปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกาย ระยะเวลาในการตรวจพบอาการป่วยของโรคนี้ และลักษณะทางพันธุกรรมของผู้ป่วย สำหรับแนวทางการศึกษาวิจัยเรื่องไวรัสตับอักเสบซี ในอนาคตจะมุ่งศึกษาเพื่อตอบโจทย์ข้อมูลในต่างประเทศที่ยังมีการศึกษาน้อย รวมถึงการทำนายการเกิดตับแข็ง มะเร็งตับและความรุนแรงของโรคนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโรคตับ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยาฉีดและยาทานซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง และอาจมีผลข้างเคียงในการรักษา
สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี สายพันธุ์ 3 และมีความรุนแรงของอาการที่ตับตามเกณฑ์ที่กำหนด สามารถเข้ารับการรักษาได้ในระบบประกันสุขภาพโดยใช้สิทธิ์บัตร 30 บาท และบัตรประกันสังคม ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นโอกาสที่ดีมาก ดังนั้นผู้ป่วย รวมทั้งผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคนี้ควรเข้ารับการตรวจหาสายพันธุ์ไวรัส เพื่อเป็นประโยชน์ในการหาช่องทางในการรักษาต่อไป ส่วนไวรัสตับอักเสบบีนั้น การรักษามักจะไม่หายขาด เพียงแต่เป็นการคุมไวรัสให้อยู่ในระดับต่ำที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายเท่านั้น ซึ่งในอนาคตจะต้องทำการศึกษาค้นคว้าเพื่อหายาที่รักษาไวรัสตับอักเสบบีให้หายขาด
การเฝ้าระวังและป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ และดูแลสุขภาพจากโรคไขมันสะสมในตับ ซึ่งจะมีผลทำให้ตับแข็งและเป็นมะเร็งตับได้ การที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นโรคนี้จนกว่าสภาพตับจะมีอาการรุนแรง ถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามประชากรไทยและทั่วโลก ปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ และบี ซึ่งราคาไม่แพง ส่วนไวรัสตับอักเสบซียังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค
ไวรัสตับอักเสบเป็นกลุ่มเชื้อไวรัสที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะอาศัยอยู่ที่ตับ มีทั้งไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ไวรัสตับอักเสบซีเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับในคนไทยและประชากรทั่วโลก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยเป็นโรคนี้จะมีประวัติการติดเชื้อจากทางเลือด ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเลือดจากการเสียเลือดหรือตกเลือดจากการคลอดบุตร เป็นโรคโลหิตจาง เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีการตรวจกรองไวรัสตับอักเสบซีในเลือด
ส่วนสาเหตุอื่นๆ เช่น จากการเสพยาเสพติดด้วยการใช้เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาดร่วมกัน นอกจากนี้ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV จะมีโอกาสในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้ง่ายขึ้น ส่วนการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยการถ่ายทอดจากแม่ที่ตั้งครรภ์สู่ลูกมีโอกาสเป็นไปได้แต่น้อย
จากการศึกษาวิจัยพบว่าไวรัสตับอักเสบซีมีสายพันธุ์ต่างๆ ที่มีความหลากหลาย ในทั่วโลกมีทั้งหมด 7 สายพันธุ์ ในประเทศไทยมี 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ 1, 3, 6 ซึ่งในการรักษานั้นจะยากง่ายต่างกัน ในงานวิจัยพบว่าในประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ประมาณ 2% ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าป่วยเป็นโรคนี้เนื่องจากไม่มีการแสดงอาการออกมาชัดเจน ส่วนใหญ่จะพบเมื่อมีการตรวจสุขภาพหรือบริจาคเลือดแล้วพบว่าการทำงานของตับผิดปกติ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคนี้เมื่อมีอาการเรื้อรังของโรคตับ เช่น ตับแข็ง ตาเหลือง ตัวเหลือง ขาบวม ผู้ป่วยบางคนอาจทราบเมื่อป่วยเป็นมะเร็งที่ลุกลามแล้ว ปัจจุบันโรงพยาบาลต่างๆสามารถตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคนี้ได้ในเบื้องต้นโดยการตรวจเลือดเพื่อหาสารบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับไวรัส และทำการการตรวจยืนยันอีกครั้งว่าเป็นโรคนี้จริงหรือไม่
วิธีการรักษาไวรัสตับอักเสบซีสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยา โดยการฉีดยาร่วมกับการรับประทานยา ต้องทำการรักษาต่อเนื่องจนครบกำหนดซึ่งใช้เวลานาน ครึ่งปี - 1 ปี การรักษาจะได้ผลแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัส ปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกาย ระยะเวลาในการตรวจพบอาการป่วยของโรคนี้ และลักษณะทางพันธุกรรมของผู้ป่วย สำหรับแนวทางการศึกษาวิจัยเรื่องไวรัสตับอักเสบซี ในอนาคตจะมุ่งศึกษาเพื่อตอบโจทย์ข้อมูลในต่างประเทศที่ยังมีการศึกษาน้อย รวมถึงการทำนายการเกิดตับแข็ง มะเร็งตับและความรุนแรงของโรคนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโรคตับ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยาฉีดและยาทานซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง และอาจมีผลข้างเคียงในการรักษา
สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี สายพันธุ์ 3 และมีความรุนแรงของอาการที่ตับตามเกณฑ์ที่กำหนด สามารถเข้ารับการรักษาได้ในระบบประกันสุขภาพโดยใช้สิทธิ์บัตร 30 บาท และบัตรประกันสังคม ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นโอกาสที่ดีมาก ดังนั้นผู้ป่วย รวมทั้งผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคนี้ควรเข้ารับการตรวจหาสายพันธุ์ไวรัส เพื่อเป็นประโยชน์ในการหาช่องทางในการรักษาต่อไป ส่วนไวรัสตับอักเสบบีนั้น การรักษามักจะไม่หายขาด เพียงแต่เป็นการคุมไวรัสให้อยู่ในระดับต่ำที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายเท่านั้น ซึ่งในอนาคตจะต้องทำการศึกษาค้นคว้าเพื่อหายาที่รักษาไวรัสตับอักเสบบีให้หายขาด
การเฝ้าระวังและป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ และดูแลสุขภาพจากโรคไขมันสะสมในตับ ซึ่งจะมีผลทำให้ตับแข็งและเป็นมะเร็งตับได้ การที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นโรคนี้จนกว่าสภาพตับจะมีอาการรุนแรง ถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามประชากรไทยและทั่วโลก ปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ และบี ซึ่งราคาไม่แพง ส่วนไวรัสตับอักเสบซียังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค