“มงคลกิตติ์” ยื่นหนังสือ “จาตุรนต์” เรียกร้องสอบวินัย “ชัยพฤกษ์” โยงเข้าร่างแหเดียวกับ “ศศิธารา” กรณีจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวะ
วันนี้ (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.45 น.ที่สำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษา (สสอ.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) คนปัจจุบันและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอให้โยกย้ายพ้นจากหน่วยงานเดิมระหว่างที่มีการสอบสวน ทั้งนี้ ภตช.เรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงในกรณีเดียวกับ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา ในประเด็นเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษาโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 หรือ SP2 สูญหายและส่อว่าอาจมีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ซึ่งล่าสุดมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวงมีมติให้ปลด น.ส.ศศิธารา ออกจากราชการ
ทั้งนี้ ภายหลัง อ.ก.พ.สกศ.มีมติดังกล่าวออกมา น.ส.ศศิธารา ได้ให้สัมภาษณ์ว่าหากตนเองผิด นายชัยพฤกษ์ ก็ต้องผิดด้วย เพราะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างลักษณะเดียวกัน ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่าวงเงินการจัดซื้อ 1,500 ล้านบาท ที่จัดซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 ถึงปัจจุบัน คาดว่า นายชัยพฤกษ์ เซ็นสัญญาจัดซื้อจ้างไปแล้ว 13 รายการ วงเงิน 884 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมดกว่า 1,200 ล้านบาท หรือประมาณ 20 สัญญา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความไม่โปร่งใสและเป็นไม่เป็นธรรมในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยก่อนหน้า ภตช.ได้ยื่นหนังสือขอให้มีการตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงและตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายชัยพฤกษ์ ด้วยในสมัย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ เพราะมีข้อมูลคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ของ ศธ.จำนวน 4 ชุด เมื่อเดือน ก.ค.2555 ที่สรุปตรงกันว่าโครงการดังกล่าวมีมูลการทุจริตและประพฤติมิชอบ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ราชการเสียหายร้ายแรง
“ขอให้ รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ ให้ตรวจสอบกรณีที่ น.ส.ศศิธารา ให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการสอบสวน เพราะนายชัยพฤกษ์ก็จัดซื้อเหมือนกันแต่กลับไม่ถูกตรวจสอบนั้น ต้องถือว่า คำพูดของ น.ส.ศศิธารา เป็นประโยชน์กับทางราชการ คาดว่า น.ส.ศศิธารา คงมีข้อมูลมากพอจึงกล้าออกมาพูดเช่นนั้น” นายมงคลกิตติ์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการสอบสวนขอเสนอให้มีการย้ายผู้ถูกสอบสวนออกมาหน่วยงานก่อนเพื่อความสะดวกในการสอบสวน
ด้าน นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนจะให้ไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสืบเนื่องกับกรณี น.ส.ศศิธารา หรือไม่ หรือเป็นประเด็นใหม่ที่ยังไม่เคยมีการสืบสวนข้อมูลใดๆ มาก่อน ส่วนข้อเสนอที่จะให้โยกย้าย นายชัยพฤกษ์ พ้นจาก สอศ.ในเวลานี้ยังเป็นประเด็นที่ไกลเกินไป ที่สุดแล้วต้องมีข้อมูลที่แน่ชัดมาก่อนจึงจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
ขณะที่ นายชัยพฤกษ์ กล่าวว่า ช่วงที่ตนเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ กอศ.ได้ผ่านขั้นตอนการลงนามในสัญญา ผู้ขายได้ส่งของ และคณะกรรมการได้ตรวจรับอย่างถูกต้องแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินให้ผู้ขาย ซึ่งตนก็ไม่ได้อนุมัติให้เบิกจ่ายในทันที แต่ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงขึ้นเพื่อตรวจสอบกรณีเอกสารหายว่าเป็นอย่างไร และถ้าไม่เบิกจ่ายเงินจะมีผลอย่างไร ซึ่งคณะกรรมการเห็นควรให้เบิกจ่ายได้
“ได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ สอศ.ก็ได้ให้ความเห็นยืนยันว่าต้องจ่ายเงินเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ หากไม่จ่ายจะผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจ่ายเงิน ทั้งนี้ เมื่อมารับตำแหน่งก็ได้ใช้เวลาตรวจสอบ 5-6 เดือน จนมีบริษัทยื่นหนังสือสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าปรับและความเสียหาย พร้องเร่งรัดให้จ่ายเงิน หรือยื่นโนติสต์มาด้วย” นายชัยพฤกษ์ กล่าว