“หมอเกษม” แนะตั้งหน่วยงานวิจัยเพิ่ม ศึกษาการอิมพอร์ตเทคโนโลยีสุขภาพมาใช้ในไทย หลังพบพัฒนาติดจรวดส่งผลต่อสุขภาพคนไทยในอนาคต ห่วงความไม่เท่าเทียมในการรักษา เสนอทางออกต้องยกย่องที่ความดี ไม่ใช่ความรวย เพราะมีแต่ทำให้สังคมตกต่ำ ด้าน “ศิริราช-รามาฯ-ราชวิถี” รับรางวัลผู้บริหารโรงพยาบาลดีเด่น
วันนี้ (3 มี.ค.) ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “สุขภาพคนไทยในอนาคต” ในงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2557 (ครั้งที่ 1) เรื่อง “สุขภาพไทย สุขภาพอาเซียน” จัดโดยสมาคมนักบริหารโรงพยาบาลประเทศไทย สมาคมนักเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย สมาคมโรงพยาบาลเอกชน มูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ว่า สิ่งที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยในอนาคตมีอยู่ 3 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยสากล ได้แก่ ความรู้และเทคโนโลยีสุขภาพที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ประเด็นสำคัญคือผู้ออกแบบระบบบริการรักษาพยาบาลจะเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ปัญหาคือมักมีราคาแพง อย่างยาใหม่ๆ บางตัวราคาเม็ดละเป็นหมื่นบาท จึงอยากให้มีหน่วยงานทำการวิจัยว่าหากนำมาใช้จะเกิดประโยชน์และคุ้มค่าหรือไม่ ที่สำคัญต้องไม่มีเพียงหน่วยงานเดียว แต่ควรมีหลายหน่วยงานทำวิจัยเพื่อความรอบด้าน
“นอกจากนี้ พวกโรคภัยใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งเชื้อโรคชนิดใหม่หรือการหวนคืนของโรคเดิม ภาวะโลกร้อน สภาพอากาศสุดขั้ว อุบัติภัย การก่อการร้ายและสงคราม ก็ส่งผลต่อสุขภาพของคนไทยด้วย ซึ่งควรมีการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้แพทย์ พยาบาล และประชาชนรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน” ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม กล่าว
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม กล่าวอีกว่า 2.ปัจจัยภายในประเทศ ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้คือภาวะโรคอ้วน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพด้านต่างๆ สาเหตุของมะเร็ง สารก่อมะเร็งและมลภาวะ และวิถีชีวิตที่ปัจจุบันมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย และไม่ออกกำลังกาย รวมถึงความเห็นแก่ตัวของคนที่มากขึ้น และ 3.ระบบการรักษาพยาบาล ที่น่าห่วงก็คือช่องว่างทางคุณภาพและราคาค่ารักษาพยาบาล โดยพบว่า กลุ่มคนรวยซึ่งมีจำนวน 20% ของประเทศ คนจนมีจำนวน 20% ของประเทศ และกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งมีมากถึง 60% ของประเทศ แต่กลุ่มคนรวยกลับมีการใช้ทรัพยากรของประเทศมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานยังมีการมอบรางวัล นักบริหารโรงพยาบาลดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2556 กว่า 20 รางวัล อาทิ ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล รับรางวัลนักบริหารโรงพยาบาลดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2556 รศ.นพ.อัษฎา ตียพันธ์ ผอ.รพ.ชลบุรี รับรางวัลผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปดีเด่น นพ.สมชาย ศรีสมบัณฑิต ผอ.รพ.ตากใบ จ.นราธิวาส รับรางวัลผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนดีเด่น นพ.อุดม เชาวรินทร์ ผอ.รพ.ราชวิถี รับรางวัลผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉพาะทาง ภาครัฐดีเด่น รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผอ.รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล รับรางวัลผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉพาะทาง สังกัดมหาวิทยาลัยดีเด่น เป็นต้น รวมไปถึงยังมีการมอบรางวัลนักเวชศาสตร์ป้องกันดีเด่นระดับชาติประจำปี 2556 ด้วย ทั้งแขนงสุขภาพจิตชุมชน แขนงเวชศาสตร์ป้องกันคลินิก แขนงระบาดวิทยา แขนงสาธารณสุขศาสตร์ แขนงอาชีวเวชศาสตร์ และแขนงเวชศาสตร์การบิน
ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม กล่าวว่า เรื่องสุขภาพที่ให้ความสำคัญเรื่องกายและใจ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น ระบบสุขภาพสังคมแบบองค์กรรวม ต้องมีการประสานงานร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงจะประสบความสำเร็จ และสิ่งสำคัญต้องยกย่องความดี เป็นตัวอย่างให้เห็น ไม่ใช่ยกย่องความร่ำรวย มีแต่จะทำให้สังคมตกต่ำ และไม่ทำตามกติกาบ้านเมือง นำไปสู่หายนะ เหมือนดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า การจะทำงานสิ่งใดไม่ว่าองค์กรน้อยใหญ่ ควรยึดหลัก ประหยัด เรียบง่าย ประโยชน์สูงสุด และต้องมีการคำนึงถึงผลกระทบ ซึ่งหากมีการปฎิรูปประเทศก็ต้องใช้หลักการเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
ด้าน ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวภายหลังรับรางวัลว่า การดำเนินงานที่ส่งผลให้ รพ.ศิริราชประสบผลสำเร็จคือ การดำเนินงานตาม 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.การเรียนการสอน 2.การวิจัย 3.การบริการ 4.การบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพมีธรรมมาภิบาล 5.การบริหารทรัพยากรบุคคล และ 6.การดูแลสังคม ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่สุดในองค์กรก็คือคน โดยศิริราชจะเน้นให้บุคลากรอยู่ได้และอยู่ดีตามฐานานุรูป ก็จะเกิดประโยชน์ต่อองค์กร ที่สำคัญต้องยอมรับคนดีและคนเก่งให้ได้รับโอกาสพัฒนาอย่างเท่าเทียม ซึ่ง รพ.ศิริราช โชคดีที่มีบุคลากรเข้มแข็ง และมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้ การจะรักษาบุคลากรเอาไว้ได้คือต้องให้เกียรติ ให้ความไว้วางใจ ให้ความเสมอภาค ให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ให้โอการเรียนรู้พัฒนาความก้าวหน้าในอาชีพ จากการดำเนินงานทั้งหมดนี้ ทำให้ รพ.ศิริราช ได้รับการรับรองคุณภาพระดับสากล และได้รับความไว้วางใจจากสังคม องค์กรจึงอยู่มาได้ถึง 125 ปี และไม่ไกลจากความเป็นจริงที่ รพ.ศิริราช จะเป็นสถาบันการบริการระดับโลก