ชุมนุมการเมืองเจ็บเพิ่ม 1 คน พบเป็นตำรวจถูกทำร้ายที่ใบหน้า สธ.ยืนยันดูแลรักษาทุกคนอย่างเท่าเทียม พร้อมหนุนเวชภัณฑ์ ส่วนคนเจ็บเหลือพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 10 ราย
วันนี้ (12 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชุมนุมทางการเมือง กระทรวงสาธารณสุขส่วนหน้า ว่า แม้รัฐบาลจะยุบสภาไปแล้ว แต่การดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ยุตินั้น สธ.ก็ยังต้องดำเนินการต่อไป ภายใต้นโยบาย 3 ข้อ คือ 1.รักษาทุกคนอย่างเท่าเทียม 2.ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และ 3.ไม่เข้าไปยุ่งกับการชุมนุมทางการเมือง แต่จะให้การสนับสนุนเวชภัณฑ์และยาต่างๆ ทั้งนี้ การดูแลในที่ชุมนุมจะเป็นหน้าที่ของแพทย์อาสา ส่วนการทำงานจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.รพ.วชิรพยาบาล 2.กรมการแพทย์ สธ.ที่จะมีหน่วยสนับสนุนเป็นหน่วยเอราวัณ กรุงเทพมหานคร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งการทำงานจะมีการประสานกันโดยในงานกรณีฉุกเฉินต่างๆ การขนย้ายผู้ที่จะเข้าไปในที่เกิดเหตุจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยทหารเสนารักษ์ที่มีความชำนาญโดยตรงเป็นผู้เข้าไปลำเลียงผู้ป่วยออกมายังจุดนัดพบ ซึ่งทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์การชุมนุม และ 3.เป็นส่วนของ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงพยาบาลสนามที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นส่วนของแพทย์จิตอาสาต่างๆ ที่มีเจตนาจะเข้ามาดูแลประชาชนในกรณีทั่วไป เช่น เป็นลม และต้องได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ถ้าจำเป็นต้องขนย้ายและได้ต้องการหน่วยสนับสนุนหรือยา เวชภัณฑ์ สธ.ก็จะส่งไปสนับสนุน สำหรับสถานการณ์การชุมนุมตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.-12 ธ.ค.พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 291 ราย นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 90 ราย ขณะนี้เหลือเพียง 10 ราย และเสียชีวิต 5 ราย ซึ่งสถานการณ์โดยรวมถือว่าไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม สธ.ขอยืนยันว่าการทำงานนั้นจะให้การดูแลอย่างเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแต่อย่างใด
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากการประเมินเหตุการณ์ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จนถึง 08.00 น.วันนี้ มีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ทีมแพทย์ได้นำส่งไปรับการรักษาที่ รพ.ตำรวจ สำหรับจุดปฏิบัติงานในวันนี้ ได้จัดทีมแพทย์กู้ชีพชั้นสูงและพื้นฐานประจำการที่โรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อเป็นทีมส่วนหน้าพร้อมปฏิบัติการทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน และเตรียมพร้อมอีก 9 ทีมจาก รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตนราชธานี รพ.รามาธิบดี รพ.พระมงกุฎเกล้า พร้อมสนับสนุนทันทีหากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่และบุคลากรทุกคนได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และจะให้การดูแลรักษาประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด
วันนี้ (12 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชุมนุมทางการเมือง กระทรวงสาธารณสุขส่วนหน้า ว่า แม้รัฐบาลจะยุบสภาไปแล้ว แต่การดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ยุตินั้น สธ.ก็ยังต้องดำเนินการต่อไป ภายใต้นโยบาย 3 ข้อ คือ 1.รักษาทุกคนอย่างเท่าเทียม 2.ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และ 3.ไม่เข้าไปยุ่งกับการชุมนุมทางการเมือง แต่จะให้การสนับสนุนเวชภัณฑ์และยาต่างๆ ทั้งนี้ การดูแลในที่ชุมนุมจะเป็นหน้าที่ของแพทย์อาสา ส่วนการทำงานจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.รพ.วชิรพยาบาล 2.กรมการแพทย์ สธ.ที่จะมีหน่วยสนับสนุนเป็นหน่วยเอราวัณ กรุงเทพมหานคร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งการทำงานจะมีการประสานกันโดยในงานกรณีฉุกเฉินต่างๆ การขนย้ายผู้ที่จะเข้าไปในที่เกิดเหตุจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยทหารเสนารักษ์ที่มีความชำนาญโดยตรงเป็นผู้เข้าไปลำเลียงผู้ป่วยออกมายังจุดนัดพบ ซึ่งทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์การชุมนุม และ 3.เป็นส่วนของ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงพยาบาลสนามที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นส่วนของแพทย์จิตอาสาต่างๆ ที่มีเจตนาจะเข้ามาดูแลประชาชนในกรณีทั่วไป เช่น เป็นลม และต้องได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ถ้าจำเป็นต้องขนย้ายและได้ต้องการหน่วยสนับสนุนหรือยา เวชภัณฑ์ สธ.ก็จะส่งไปสนับสนุน สำหรับสถานการณ์การชุมนุมตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.-12 ธ.ค.พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 291 ราย นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 90 ราย ขณะนี้เหลือเพียง 10 ราย และเสียชีวิต 5 ราย ซึ่งสถานการณ์โดยรวมถือว่าไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม สธ.ขอยืนยันว่าการทำงานนั้นจะให้การดูแลอย่างเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแต่อย่างใด
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากการประเมินเหตุการณ์ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จนถึง 08.00 น.วันนี้ มีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ทีมแพทย์ได้นำส่งไปรับการรักษาที่ รพ.ตำรวจ สำหรับจุดปฏิบัติงานในวันนี้ ได้จัดทีมแพทย์กู้ชีพชั้นสูงและพื้นฐานประจำการที่โรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อเป็นทีมส่วนหน้าพร้อมปฏิบัติการทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน และเตรียมพร้อมอีก 9 ทีมจาก รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตนราชธานี รพ.รามาธิบดี รพ.พระมงกุฎเกล้า พร้อมสนับสนุนทันทีหากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่และบุคลากรทุกคนได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และจะให้การดูแลรักษาประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด
