xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ตั้ง “ช็อกรูม” สู้โรคระบาด-ภัยพิบัติ โวใช้เทคโนโลยีใหม่จาก WHO ประมวลผล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.ตั้ง “ช็อกรูม” หวังแก้ไขวิกฤตฉุกเฉินทางสุขภาพจากโรคระบาดและภัยพิบัติ โวเป็นครั้งแรกของไทย ใช้เทคโนโลยีใหม่จาก WHO ประมวลข้อมูล เตรียมทดลองเชื่อมโยงข้อมูลส่วนกลางกับ 4 จังหวัดท่องเที่ยว ก่อนขยายผลทุกพื้นที่ปี 2557
นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ปี 2556 สธ.ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขและกำหนดยุทธศาสตร์ของ สธ.ในการแก้ไข ป้องกันควบคุมสถานการณ์ หรือ ช็อกรูม (SHOC : Strategic Health Operation Center Room) เพื่อให้เป็นศูนย์สั่งการแก้ไขปัญหาในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Room) สามารถปฏิบัติการในพื้นที่ได้อย่างทันเหตุการณ์และเหมาะสม เชื่อมโยงกับองค์การอนามัยโลกสาขาใหญ่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคต่างๆ ในการรายงานข้อมูลและผลการดำเนินการ นับว่าไทยเป็นประเทศแรกที่ไม่ได้เป็นประเทศที่ตั้งสำนักงานภูมิภาคขององค์การอนามัยโลก แต่มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าวในประเทศ

นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า การพัฒนาช็อกรูมครั้งนี้ นับว่าเป็นการยกระดับศักยภาพการแก้ไขปัญหาด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทยในภาวะฉุกเฉินทั้งจากโรคระบาดและภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันท่วงที สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนไทยและนานาชาติด้วย โดยได้รับความร่วมมือจากองค์การอนามัยโลกในการถ่ายทอดเทคโนโลยี สนับสนุนซอฟต์แวร์ในการประมวลข้อมูลให้ ได้มอบให้นายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นแกนหลักในการประสานความร่วมมือ

ด้าน นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัด สธ.กล่าวว่า สธ.ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขหรือช็อครูมที่ห้องประชุม 5 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยระบบจะมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่กระจายตามหน่วยงานต่างๆ มาประมวลผล รวมทั้งข้อมูลทางภูมิศาสตร์เชื่อมโยงกับระบบแผนที่จริงทางดาวเทียม หรือ กูเกิล เอิร์ธ (Google Earth) จอทีวี เพื่อติดตามสถานการณ์หรือข้อมูลต่างๆ ที่ส่งจากพื้นที่จริงหรือเป็นข้อมูลรายงานจากสื่อมวลชน ทำให้ผู้บริหารสามารถนำมาใช้ตัดสินใจสั่งการแก้ไขในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และตรงกับข้อเท็จจริงในพื้นที่ โดยจะอบรมเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ ซึ่งในเบื้องต้นจะใช้ประมาณ 3-5 คน จากสำนักงานสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ และจากกรมควบคุมโรค ในการเริ่มดำเนินการระยะแรก จะติดตั้งระบบดังกล่าว ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 4 จังหวัด เพื่อทดสอบและปรับปรุงระบบให้เสถียร ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และขอนแก่น คาดว่าจะเริ่มในกลางเดือนธันวาคม 2556 และจะขยายใน 73 จังหวัดที่เหลือทั่วประเทศในปี 2557 ได้รับสนับสนุนงบประมาณจากองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 6 ล้านบาท

นพ.ชาญวิทย์ กล่าวด้วยว่า เมื่อระบบเกิดความเสถียรทั้ง 77 จังหวัด ขั้นต่อไป สธ.จะเชื่อมต่อระบบนี้ให้เป็นศูนย์ข่าวสารทางสุขภาพ ทั้งระบบของกระทรวง ทั้งด้านการส่งต่อผู้ป่วยการแพทย์ฉุกเฉิน ข้อมูลของโรงพยาบาล ข้อมูลการเงิน และข้อมูลสารสนเทศทางภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์แบบต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น