สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงในขณะนี้ ทำให้ผู้คนต้องตกอยู่ในภาวะอึดอัดและเคร่งเครียดไปตามๆ กัน เพราะสังคมรอบข้างเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และด้วยข้อมูลมากมายที่พรั่งพรูมาจากทั่วทุกทิศทาง ต่างฝ่ายต่างก็พยายามหาข้อมูลหรือคำพูดต่างๆ นานา เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับเหตุผลของตัวเอง ที่สำคัญประโยคที่เรามักได้ยินบ่อยๆ จากกรณีความขัดแย้ง ก็คือความดีความเลว สิ่งถูกหรือผิด ทั้งจากทุกฝ่าย ทำให้เกิดข้อกังขาว่าอะไรคือถูกอะไรคือผิด ยิ่งเด็กด้วยแล้ว คำถามจะเกิดขึ้นมากมายให้คนเป็นพ่อแม่ต้องคอยอธิบายและพูดคุยให้ลูกเข้าใจ
เมื่อก่อนการพูดถึงสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด ยังสามารถเห็นได้ชัด เวลาคนเป็นพ่อแม่อบรมสั่งสอนลูกก็สามารถแยกแยะและไม่ยากเย็นเหมือนในยุคสมัยนี้ แต่ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด การอบรมสั่งสอนลูกเรื่อง ถูกคือถูก ผิดคือผิด ก็ยังจำเป็นที่จะต้องปลูกฝังต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นแล้วสังคมอนาคตลูกหลานของเราจะเป็นอย่างไร
ดังนั้น การสอนให้ลูกหลานของเรามีคุณธรรม จริยธรรม จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในสังคมยุคนี้ ยุคที่สังคมขาดแคลนและกำลังวิกฤติอย่างหนักในการถามหาคุณธรรมและจริยธรรม
แพทย์หญิงจันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ เคยพูดถึงเรื่องสมองส่วนจริยธรรมว่า “เรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเชื่อมโยงโดยตรงไปสู่สมอง พ่อแม่ต้องปลูกฝังเรื่องจริยธรรม และทำเป็นตัวอย่างให้ลูกตั้งแต่เล็กๆ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 10 ปีแรกของชีวิต อย่าคิดว่ารอให้ลูกโต หรือรอให้ครูสอน ที่สำคัญ เรื่องจริยธรรมไม่ใช่แค่การสอนให้ลูกรู้จักสวัสดี ขอบคุณ หรือเคารพผู้ใหญ่ เพราะเรื่องจริยธรรมนั้นยังมีอีกมากมาย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า หากบ้านเมืองไหน หรือองค์กรใดๆ ที่มีผู้นำขาดคุณธรรมจริยธรรม สร้างปัญหาและนำความขัดแย้งมาสู่สังคมนั้นๆ ได้”
เพราะฉะนั้นควรต้องเริ่มปลูกฝังเรื่องคุณธรรมจริยธรรมให้กับลูกตั้งแต่เด็ก เริ่มจากการสอนอย่างเป็นรูปธรรม ให้เด็กจับต้องได้ด้วยเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว สอนให้ลูกรับผิดชอบตัวเองในกิจวัตรประจำวัน และรู้จักหน้าที่ของตนเอง เช่น กิน นอน แต่งตัว ดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตัวเอง ฯลฯ
เมื่อลูกเข้าสู่รั้วโรงเรียน จึงเริ่มสอนในเรื่องที่เป็นนามธรรม โดยการพูดทีละประเด็นเพื่อให้เข้าใจเหตุผล โดยคำนึงถึงวัยมากขึ้น เช่น พูดว่าลูกต้องเป็นคนดีนะลูก เด็กอาจจะยังไม่เข้าใจคำว่าคนดีต้องทำอย่างไร ฉะนั้น ถ้าลูกทำพฤติกรรมดีๆ ก็ควรจะตอกย้ำว่าลูกเป็นคนดี เช่น ลูกเก็บเงินได้แล้วเอาคืนเจ้าของ พ่อแม่ก็ควรชมลูกว่าเป็นคนดี หรือถ้าลูกตื่นนอนตอนเช้าแล้วเก็บที่นอนเอง ก็ชื่นชมว่าลูกเป็นเด็กดี เป็นการเน้นไปที่พฤติกรรมดีๆ ลูกก็จะซึมซับและเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมตามวัย
แนวทางปลูกฝังเรื่องคุณธรรมจริยธรรมสามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่เล็ก
ประการแรก - พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ต้องสอนให้ลูกรู้จักเคารพกฎกติกา โดยไม่บังคับ ดุด่าว่ากล่าว เพราะเด็กมักจะเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่าคำพูด เช่น การที่พ่อแม่ห้ามไม่ให้ลูกทำสิ่งใด แต่พ่อแม่กลับทำซะเอง หรือห้ามลูกดูทีวี แต่พ่อแม่ดูได้นะ รับรองว่าไม่เกิดผลอย่างแน่นอน
ประการที่สอง - ฝึกให้ลูกรู้จักพึ่งพาตัวเอง สอนให้เขารับผิดชอบตัวเอง ไม่ใช่พ่อแม่ทำให้ลูกทุกเรื่อง หรืออาจจะต้องสร้างสถานการณ์ให้ลูกฝึกฟันฝ่าอุปสรรคบ้าง เขาจะได้เรียนรู้ถึงการได้มาในสิ่งใดก็ต้องมีความพยายามอุตสาหะ เป็นการเรียนรู้คุณค่าของที่ได้มาและคุณค่าของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะนำไปสู่การเห็นคุณค่าของผู้อื่น
ประการที่สาม - พ่อแม่ต้องใส่ใจพูดคุยและรับฟังลูกด้วยท่าทีที่เป็นมิตรเสมอ อย่าจ้องจะสอน หรือตัดสินแทนลูก พยายามเปิดโอกาสให้ลูกได้พูด และพ่อแม่ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกได้พูด ได้แสดงความรู้สึก จากนั้นก็นำไปสู่การคิดวิเคราะห์ ด้วยการตั้งคำถามลูกว่า ลูกมีความรู้สึกอย่างไร มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนั้นๆ สิ่งไหนถูกหรือผิดในทัศนะของลูก และควรจะมีทางออกอย่างไร เป็นการช่วยให้ลูกฝึกคิด มีวิจารณญาณ เพราะเด็กจะต้องเจอปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ การฝึกให้ลูกรู้จักคิด จะช่วยให้เขาเผชิญปัญหาในอนาคตได้ดี ขณะเดียวกันระหว่างพูดคุยกันพ่อแม่ก็สามารถยกตัวอย่างเรื่องดีๆ หรือคนที่ทำอะไรดีๆ ในการแก้ปัญหา ก็เป็นการส่งเสริมลูกไปในตัวด้วย
ประการที่สี่ - สอนให้ลูกละอายแก่ใจถ้าทำสิ่งไม่ดี แม้จะไม่มีคนเห็นแต่เรารู้อยู่แก่ใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ และต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นเรื่องการสร้างจิตสำนึก เป็นเรื่องที่ต้องอยู่ด้านในของจิตใจที่จะต้องสอนลูกตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าจะมีคนเห็นหรือไม่ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็จะไม่ทำ
ประการสุดท้าย - ต้องไม่ให้ค่ากับคนไม่ดี ขี้โกง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต เนื่องเพราะสังคมยุคนี้ให้ความสำคัญและยกย่องคนเก่ง คนรวย โดยไม่ได้สนใจว่าคนเก่ง หรือคนรวย เหล่านั้นใช้วิธีใดถึงรวยหรือเก่ง เช่น เมื่อเห็นเพื่อนโกงข้อสอบแล้วไม่มีคนจับได้ ก็จะมีคนชื่นชมว่าเพื่อนคนนี้เจ๋งมาก ทำแบบนี้ไม่มีใครจับได้ กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความชื่นชมไป ซึ่งนับเป็นทัศนะที่อันตรายมาก ควรจะสอนลูกให้คุณค่าคนที่ความดี ไม่ใช่ความรวย
สิ่งสำคัญที่สุด ต้องเข้าใจว่า การจะปลูกฝังให้ลูกมีคุณธรรมจริยธรรมสามารถทำได้ตั้งแต่เล็ก ต้องสอนให้ลูกแยกแยะระหว่างความดีกับความชั่ว ระหว่างถูกกับผิด ระหว่างสิ่งที่เหมาะและไม่เหมาะ อย่าคิดว่าลูกเล็กยังไม่เข้าใจ รอให้ลูกโตก่อน เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเมื่อรอให้ลูกโตแล้ว การแก้ปัญหาย่อมยากกว่าการปลูกฝัง หรืออาจสายเกินไปด้วย
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงในขณะนี้ ทำให้ผู้คนต้องตกอยู่ในภาวะอึดอัดและเคร่งเครียดไปตามๆ กัน เพราะสังคมรอบข้างเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และด้วยข้อมูลมากมายที่พรั่งพรูมาจากทั่วทุกทิศทาง ต่างฝ่ายต่างก็พยายามหาข้อมูลหรือคำพูดต่างๆ นานา เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับเหตุผลของตัวเอง ที่สำคัญประโยคที่เรามักได้ยินบ่อยๆ จากกรณีความขัดแย้ง ก็คือความดีความเลว สิ่งถูกหรือผิด ทั้งจากทุกฝ่าย ทำให้เกิดข้อกังขาว่าอะไรคือถูกอะไรคือผิด ยิ่งเด็กด้วยแล้ว คำถามจะเกิดขึ้นมากมายให้คนเป็นพ่อแม่ต้องคอยอธิบายและพูดคุยให้ลูกเข้าใจ
เมื่อก่อนการพูดถึงสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด ยังสามารถเห็นได้ชัด เวลาคนเป็นพ่อแม่อบรมสั่งสอนลูกก็สามารถแยกแยะและไม่ยากเย็นเหมือนในยุคสมัยนี้ แต่ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด การอบรมสั่งสอนลูกเรื่อง ถูกคือถูก ผิดคือผิด ก็ยังจำเป็นที่จะต้องปลูกฝังต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นแล้วสังคมอนาคตลูกหลานของเราจะเป็นอย่างไร
ดังนั้น การสอนให้ลูกหลานของเรามีคุณธรรม จริยธรรม จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในสังคมยุคนี้ ยุคที่สังคมขาดแคลนและกำลังวิกฤติอย่างหนักในการถามหาคุณธรรมและจริยธรรม
แพทย์หญิงจันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ เคยพูดถึงเรื่องสมองส่วนจริยธรรมว่า “เรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเชื่อมโยงโดยตรงไปสู่สมอง พ่อแม่ต้องปลูกฝังเรื่องจริยธรรม และทำเป็นตัวอย่างให้ลูกตั้งแต่เล็กๆ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 10 ปีแรกของชีวิต อย่าคิดว่ารอให้ลูกโต หรือรอให้ครูสอน ที่สำคัญ เรื่องจริยธรรมไม่ใช่แค่การสอนให้ลูกรู้จักสวัสดี ขอบคุณ หรือเคารพผู้ใหญ่ เพราะเรื่องจริยธรรมนั้นยังมีอีกมากมาย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า หากบ้านเมืองไหน หรือองค์กรใดๆ ที่มีผู้นำขาดคุณธรรมจริยธรรม สร้างปัญหาและนำความขัดแย้งมาสู่สังคมนั้นๆ ได้”
เพราะฉะนั้นควรต้องเริ่มปลูกฝังเรื่องคุณธรรมจริยธรรมให้กับลูกตั้งแต่เด็ก เริ่มจากการสอนอย่างเป็นรูปธรรม ให้เด็กจับต้องได้ด้วยเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว สอนให้ลูกรับผิดชอบตัวเองในกิจวัตรประจำวัน และรู้จักหน้าที่ของตนเอง เช่น กิน นอน แต่งตัว ดูแลรักษาความสะอาดร่างกายตัวเอง ฯลฯ
เมื่อลูกเข้าสู่รั้วโรงเรียน จึงเริ่มสอนในเรื่องที่เป็นนามธรรม โดยการพูดทีละประเด็นเพื่อให้เข้าใจเหตุผล โดยคำนึงถึงวัยมากขึ้น เช่น พูดว่าลูกต้องเป็นคนดีนะลูก เด็กอาจจะยังไม่เข้าใจคำว่าคนดีต้องทำอย่างไร ฉะนั้น ถ้าลูกทำพฤติกรรมดีๆ ก็ควรจะตอกย้ำว่าลูกเป็นคนดี เช่น ลูกเก็บเงินได้แล้วเอาคืนเจ้าของ พ่อแม่ก็ควรชมลูกว่าเป็นคนดี หรือถ้าลูกตื่นนอนตอนเช้าแล้วเก็บที่นอนเอง ก็ชื่นชมว่าลูกเป็นเด็กดี เป็นการเน้นไปที่พฤติกรรมดีๆ ลูกก็จะซึมซับและเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมตามวัย
แนวทางปลูกฝังเรื่องคุณธรรมจริยธรรมสามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่เล็ก
ประการแรก - พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ต้องสอนให้ลูกรู้จักเคารพกฎกติกา โดยไม่บังคับ ดุด่าว่ากล่าว เพราะเด็กมักจะเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่าคำพูด เช่น การที่พ่อแม่ห้ามไม่ให้ลูกทำสิ่งใด แต่พ่อแม่กลับทำซะเอง หรือห้ามลูกดูทีวี แต่พ่อแม่ดูได้นะ รับรองว่าไม่เกิดผลอย่างแน่นอน
ประการที่สอง - ฝึกให้ลูกรู้จักพึ่งพาตัวเอง สอนให้เขารับผิดชอบตัวเอง ไม่ใช่พ่อแม่ทำให้ลูกทุกเรื่อง หรืออาจจะต้องสร้างสถานการณ์ให้ลูกฝึกฟันฝ่าอุปสรรคบ้าง เขาจะได้เรียนรู้ถึงการได้มาในสิ่งใดก็ต้องมีความพยายามอุตสาหะ เป็นการเรียนรู้คุณค่าของที่ได้มาและคุณค่าของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะนำไปสู่การเห็นคุณค่าของผู้อื่น
ประการที่สาม - พ่อแม่ต้องใส่ใจพูดคุยและรับฟังลูกด้วยท่าทีที่เป็นมิตรเสมอ อย่าจ้องจะสอน หรือตัดสินแทนลูก พยายามเปิดโอกาสให้ลูกได้พูด และพ่อแม่ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกได้พูด ได้แสดงความรู้สึก จากนั้นก็นำไปสู่การคิดวิเคราะห์ ด้วยการตั้งคำถามลูกว่า ลูกมีความรู้สึกอย่างไร มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนั้นๆ สิ่งไหนถูกหรือผิดในทัศนะของลูก และควรจะมีทางออกอย่างไร เป็นการช่วยให้ลูกฝึกคิด มีวิจารณญาณ เพราะเด็กจะต้องเจอปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ การฝึกให้ลูกรู้จักคิด จะช่วยให้เขาเผชิญปัญหาในอนาคตได้ดี ขณะเดียวกันระหว่างพูดคุยกันพ่อแม่ก็สามารถยกตัวอย่างเรื่องดีๆ หรือคนที่ทำอะไรดีๆ ในการแก้ปัญหา ก็เป็นการส่งเสริมลูกไปในตัวด้วย
ประการที่สี่ - สอนให้ลูกละอายแก่ใจถ้าทำสิ่งไม่ดี แม้จะไม่มีคนเห็นแต่เรารู้อยู่แก่ใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ และต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นเรื่องการสร้างจิตสำนึก เป็นเรื่องที่ต้องอยู่ด้านในของจิตใจที่จะต้องสอนลูกตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าจะมีคนเห็นหรือไม่ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็จะไม่ทำ
ประการสุดท้าย - ต้องไม่ให้ค่ากับคนไม่ดี ขี้โกง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต เนื่องเพราะสังคมยุคนี้ให้ความสำคัญและยกย่องคนเก่ง คนรวย โดยไม่ได้สนใจว่าคนเก่ง หรือคนรวย เหล่านั้นใช้วิธีใดถึงรวยหรือเก่ง เช่น เมื่อเห็นเพื่อนโกงข้อสอบแล้วไม่มีคนจับได้ ก็จะมีคนชื่นชมว่าเพื่อนคนนี้เจ๋งมาก ทำแบบนี้ไม่มีใครจับได้ กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความชื่นชมไป ซึ่งนับเป็นทัศนะที่อันตรายมาก ควรจะสอนลูกให้คุณค่าคนที่ความดี ไม่ใช่ความรวย
สิ่งสำคัญที่สุด ต้องเข้าใจว่า การจะปลูกฝังให้ลูกมีคุณธรรมจริยธรรมสามารถทำได้ตั้งแต่เล็ก ต้องสอนให้ลูกแยกแยะระหว่างความดีกับความชั่ว ระหว่างถูกกับผิด ระหว่างสิ่งที่เหมาะและไม่เหมาะ อย่าคิดว่าลูกเล็กยังไม่เข้าใจ รอให้ลูกโตก่อน เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเมื่อรอให้ลูกโตแล้ว การแก้ปัญหาย่อมยากกว่าการปลูกฝัง หรืออาจสายเกินไปด้วย