มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จี้ “ปวีณา” ลุยแก้ปัญหาความรุนแรง เนื่องในเดือนยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง แนะจับมือเอ็นจีโอ เครือข่ายภาคประชาชนร่วมแก้ไขอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนากลไกลบำบัดฟื้นฟู เร่งประชาสัมพันธ์ OSCC รณรงค์ผู้หญิงออกมาปกป้องสิทธิ
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วยเครือข่ายสตรี กว่า 50 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเรียกร้องให้ช่วยแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง เนื่องในเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี โดยนายจะเด็จ กล่าวว่า เนื่องด้วยวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้เป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ทางมูลนิธิฯ ร่วมกับเครือข่ายขับเคลื่อนงานป้องกัน แก้ไข รณรงค์ และช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงลงพื้นที่สำรวจยังพบข้อมูลน่าห่วง คือ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะอดทน หากมีความรุนแรง และพฤติกรรมความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้นกับตัวเอง เนื่องจากว่าอาย ยอมทนเพื่อลูก กลัวถูกทำร้ายซ้ำ ไม่รู้ช่องทางการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ และไม่รู้เรื่องของกฎหมายที่สามารถคุ้มครองผู้หญิงได้
นายจะเด็จ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ พม.เป็นองค์กรภาครัฐที่ดูแลแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว โดยตรง มูลนิธิฯและเครือข่ายสตรี 8 จังหวัด ขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาเพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้ 1.เร่งประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับรู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ช่วยเหลือสังคม (OSCC) และกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ให้ต่อเนื่อง 2.เร่งรณรงค์ให้ผู้หญิงได้ออกมาใช้สิทธิของผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ เพื่อนำมาสู่การได้รับความคุ้มครองและการป้องกันปัญหาจากความรุนแรง 3.พัฒนากลไกในการบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำซ้ำต่อผู้หญิง 4.สนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรต่างๆ ให้กับองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่ายชุมชน ได้ดำเนินงานในการบำบัดฟื้นฟูและคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว และผู้กระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว เพื่อให้การดำเนินงานด้านการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหามีประสิทธิภาพและครอบคลุมยิ่งขึ้น
“พม.มีอำนาจในการกำกับดูแล ควรปรับกระบวนการและส่งเสริมกลไกลให้ภาคส่วนต่างๆ บูรณาการร่วมกัน เพราะปัญหาเหล่านี้กระทรวงจะทำเพียงลำพังไม่ได้ เนื่องจากแนวโน้มความรุนแรงมีเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากผู้มาขอรับคำปรึกษาจากมูลนิธิฯ และปรากฏข่าวทางสื่อต่างๆ รวมถึงข้อมูลของ OSCC ส่วนใหญ่เป็นปัญหาความรุนแรงในครอบครัว อาทิ สามีนอกใจ ถูกทำร้ายร่างกาย การข่มขู่ ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงยังมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด เป็นต้น ทั้งนี้ บางรายประสบปัญหามากกว่าหนึ่งเรื่อง ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรพัฒนาเอกชนและชุมชนที่มีความสามารถดำเนินการด้านการยุติปัญหา ได้เข้ามาช่วยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เนื่องจากการทำงานของรัฐยังมีข้อจำกัด และสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น รัฐควรสนับสนุนให้หน่วยงานภาคเอกชนและชุมชนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมทำงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่ทุกอย่างวิ่งรวมศูนย์มาที่จุดเดียวในการแก้ไขปัญหา” นายจะเด็จ กล่าว
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วยเครือข่ายสตรี กว่า 50 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเรียกร้องให้ช่วยแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง เนื่องในเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี โดยนายจะเด็จ กล่าวว่า เนื่องด้วยวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้เป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ทางมูลนิธิฯ ร่วมกับเครือข่ายขับเคลื่อนงานป้องกัน แก้ไข รณรงค์ และช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงลงพื้นที่สำรวจยังพบข้อมูลน่าห่วง คือ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะอดทน หากมีความรุนแรง และพฤติกรรมความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้นกับตัวเอง เนื่องจากว่าอาย ยอมทนเพื่อลูก กลัวถูกทำร้ายซ้ำ ไม่รู้ช่องทางการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ และไม่รู้เรื่องของกฎหมายที่สามารถคุ้มครองผู้หญิงได้
นายจะเด็จ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ พม.เป็นองค์กรภาครัฐที่ดูแลแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว โดยตรง มูลนิธิฯและเครือข่ายสตรี 8 จังหวัด ขอเสนอแนวทางแก้ปัญหาเพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้ 1.เร่งประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับรู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ช่วยเหลือสังคม (OSCC) และกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ให้ต่อเนื่อง 2.เร่งรณรงค์ให้ผู้หญิงได้ออกมาใช้สิทธิของผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ เพื่อนำมาสู่การได้รับความคุ้มครองและการป้องกันปัญหาจากความรุนแรง 3.พัฒนากลไกในการบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำซ้ำต่อผู้หญิง 4.สนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรต่างๆ ให้กับองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่ายชุมชน ได้ดำเนินงานในการบำบัดฟื้นฟูและคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว และผู้กระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว เพื่อให้การดำเนินงานด้านการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหามีประสิทธิภาพและครอบคลุมยิ่งขึ้น
“พม.มีอำนาจในการกำกับดูแล ควรปรับกระบวนการและส่งเสริมกลไกลให้ภาคส่วนต่างๆ บูรณาการร่วมกัน เพราะปัญหาเหล่านี้กระทรวงจะทำเพียงลำพังไม่ได้ เนื่องจากแนวโน้มความรุนแรงมีเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากผู้มาขอรับคำปรึกษาจากมูลนิธิฯ และปรากฏข่าวทางสื่อต่างๆ รวมถึงข้อมูลของ OSCC ส่วนใหญ่เป็นปัญหาความรุนแรงในครอบครัว อาทิ สามีนอกใจ ถูกทำร้ายร่างกาย การข่มขู่ ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงยังมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด เป็นต้น ทั้งนี้ บางรายประสบปัญหามากกว่าหนึ่งเรื่อง ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรพัฒนาเอกชนและชุมชนที่มีความสามารถดำเนินการด้านการยุติปัญหา ได้เข้ามาช่วยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เนื่องจากการทำงานของรัฐยังมีข้อจำกัด และสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น รัฐควรสนับสนุนให้หน่วยงานภาคเอกชนและชุมชนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมทำงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่ทุกอย่างวิ่งรวมศูนย์มาที่จุดเดียวในการแก้ไขปัญหา” นายจะเด็จ กล่าว