อ.พญ.พัทยา เฮงรัศมี
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แม้จะไม่ทำอันตราย แต่ก็สร้างความทรมานให้ไม่น้อย
เยื่อบุโพรงมดลูกมีหน้าที่สร้างประจำเดือน ดังนั้นเมื่อเยื่อบุเหล่านี้ไปเจริญอยู่ผิดที่ ก็จะทำให้มีการสร้างเลือดประจำเดือนขังอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ภายในอุ้งเชิงกราน เช่น เยื่อบุช่องท้อง ผนังมดลูก และรังไข่ จึงมองเห็นเป็นจุดเลือดออกสีดำ หรือหากมีปริมาณมากก็จะเห็นเป็นเลือดเก่าๆ ลักษณะข้นคล้ายช็อกโกแลต ที่เรียกกันว่า “ช็อกโกแลตซีสต์”
เยื่อบุโพรงมดลูกที่ไปเจริญอยู่ผิดที่เหล่านี้ มีผลทำให้เกิดการอักเสบและเกิดพังผืดขึ้นในอุ้งเชิงกราน ผู้ป่วยจึงมักมีอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง บางรายถึงกับปวดมากจนต้องหยุดงาน และในกรณีที่รอยโรคอยู่ใกล้กับลำไส้ตรง ก็มักทำให้มีอาการปวดหน่วงลงทวารหนักในช่วงที่มีรอบเดือน ส่วนอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เจ็บในอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน และภาวะมีบุตรยาก
สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ พบว่าสตรีที่เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกเร็วกว่าปกติ ประจำเดือนออกมาก มานานหลายวันและมาถี่ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สูงกว่าสตรีทั่วไป
แพทย์สามารถให้การวินิจฉัยโรคนี้ได้จากการตรวจภายในหรือการตรวจทางทวารหนัก โดยอาจพบว่ามดลูกมีขนาดโตกว่าปกติ หรือมดลูกอาจเอียงหรือคว่ำหลังจากการที่มีพังผืดดึงรั้ง อาจคลำพบตุ่มแข็งกดเจ็บด้านหลังมดลูก หรือคลำพบก้อนหรือถุงน้ำบริเวณรังไข่ สำหรับกรณีที่ผลการตรวจร่างกายยังไม่ชัดเจน แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก หรือบางครั้งอาจจำเป็นต้องส่องกล้องตรวจภายในช่องท้อง
การรักษาในเบื้องต้น ได้แก่ การใช้ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ส่วนการรักษาที่เฉพาะ เจาะจง จะใช้ฮอร์โมน ซึ่งมีทั้งชนิดกินและชนิดฉีด เช่น ยาเม็ดและยาฉีดคุมกำเนิด ฮอร์โมนเหล่านี้จะออกฤทธิ์กดการทำงานของรังไข่ มีผลทำให้รอยโรคเกิดการฝ่อ จึงช่วยลดอาการปวดลงได้ แต่ข้อเสีย ผู้ป่วยจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นหากผู้ป่วยต้องการมีบุตร จึงควรรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งวิธีที่นิยมและเป็นมาตรฐาน คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้อง เนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และที่สำคัญคือ มีโอกาสเกิดพังผืดภายหลังการผ่าตัดน้อยกว่าวิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ยังต้องการมีบุตรในอนาคต
******
16 ต.ค. พบกิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช ฟรี
ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมอย่างไร
ขอเชิญผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมเข้าอบรม “การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม” เวลา 08.30 - 16.30 น.ณ ห้องตรีเพ็ชร์ อาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ ชั้น 15 (รับจำกัด) สอบถาม/สมัคร โทร.090 5577853 หรือ 0 2419 7287
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ …เรื่องที่ต้องรู้
ขอเชิญคุณสุภาพสตรีเข้าอบรมในหัวข้อ “ช็อกโกแลตซีสต์” เวลา 12.00-15.00 น.ณ ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดสหสาขาผ่านกล้องไทย-เยอรมัน ตึกจุฑาธุช ชั้น 8 สอบถาม/สำรองที่นั่ง โทร.0 2419 4772, 0 2419 4744
ชวนร่วมงาน “40 ปี งานเปลี่ยนอวัยวะศิริราช”
หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ฟังเสวนาทางการแพทย์ในหัวข้อปลูกถ่ายตับ ไต และหัวใจ ร่วมกับศิลปิน และประสบการณ์ตรงจากผู้ป่วย พร้อมการแสดงบนเวที และอื่นๆ อีกมากมาย เวลา 08.30-16.30 น. ณ โถงอาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ.ศิริราช
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แม้จะไม่ทำอันตราย แต่ก็สร้างความทรมานให้ไม่น้อย
เยื่อบุโพรงมดลูกมีหน้าที่สร้างประจำเดือน ดังนั้นเมื่อเยื่อบุเหล่านี้ไปเจริญอยู่ผิดที่ ก็จะทำให้มีการสร้างเลือดประจำเดือนขังอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ภายในอุ้งเชิงกราน เช่น เยื่อบุช่องท้อง ผนังมดลูก และรังไข่ จึงมองเห็นเป็นจุดเลือดออกสีดำ หรือหากมีปริมาณมากก็จะเห็นเป็นเลือดเก่าๆ ลักษณะข้นคล้ายช็อกโกแลต ที่เรียกกันว่า “ช็อกโกแลตซีสต์”
เยื่อบุโพรงมดลูกที่ไปเจริญอยู่ผิดที่เหล่านี้ มีผลทำให้เกิดการอักเสบและเกิดพังผืดขึ้นในอุ้งเชิงกราน ผู้ป่วยจึงมักมีอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง บางรายถึงกับปวดมากจนต้องหยุดงาน และในกรณีที่รอยโรคอยู่ใกล้กับลำไส้ตรง ก็มักทำให้มีอาการปวดหน่วงลงทวารหนักในช่วงที่มีรอบเดือน ส่วนอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เจ็บในอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน และภาวะมีบุตรยาก
สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ พบว่าสตรีที่เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกเร็วกว่าปกติ ประจำเดือนออกมาก มานานหลายวันและมาถี่ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สูงกว่าสตรีทั่วไป
แพทย์สามารถให้การวินิจฉัยโรคนี้ได้จากการตรวจภายในหรือการตรวจทางทวารหนัก โดยอาจพบว่ามดลูกมีขนาดโตกว่าปกติ หรือมดลูกอาจเอียงหรือคว่ำหลังจากการที่มีพังผืดดึงรั้ง อาจคลำพบตุ่มแข็งกดเจ็บด้านหลังมดลูก หรือคลำพบก้อนหรือถุงน้ำบริเวณรังไข่ สำหรับกรณีที่ผลการตรวจร่างกายยังไม่ชัดเจน แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก หรือบางครั้งอาจจำเป็นต้องส่องกล้องตรวจภายในช่องท้อง
การรักษาในเบื้องต้น ได้แก่ การใช้ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ส่วนการรักษาที่เฉพาะ เจาะจง จะใช้ฮอร์โมน ซึ่งมีทั้งชนิดกินและชนิดฉีด เช่น ยาเม็ดและยาฉีดคุมกำเนิด ฮอร์โมนเหล่านี้จะออกฤทธิ์กดการทำงานของรังไข่ มีผลทำให้รอยโรคเกิดการฝ่อ จึงช่วยลดอาการปวดลงได้ แต่ข้อเสีย ผู้ป่วยจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นหากผู้ป่วยต้องการมีบุตร จึงควรรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งวิธีที่นิยมและเป็นมาตรฐาน คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้อง เนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และที่สำคัญคือ มีโอกาสเกิดพังผืดภายหลังการผ่าตัดน้อยกว่าวิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ยังต้องการมีบุตรในอนาคต
******
16 ต.ค. พบกิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช ฟรี
ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมอย่างไร
ขอเชิญผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมเข้าอบรม “การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม” เวลา 08.30 - 16.30 น.ณ ห้องตรีเพ็ชร์ อาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ ชั้น 15 (รับจำกัด) สอบถาม/สมัคร โทร.090 5577853 หรือ 0 2419 7287
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ …เรื่องที่ต้องรู้
ขอเชิญคุณสุภาพสตรีเข้าอบรมในหัวข้อ “ช็อกโกแลตซีสต์” เวลา 12.00-15.00 น.ณ ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดสหสาขาผ่านกล้องไทย-เยอรมัน ตึกจุฑาธุช ชั้น 8 สอบถาม/สำรองที่นั่ง โทร.0 2419 4772, 0 2419 4744
ชวนร่วมงาน “40 ปี งานเปลี่ยนอวัยวะศิริราช”
หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ฟังเสวนาทางการแพทย์ในหัวข้อปลูกถ่ายตับ ไต และหัวใจ ร่วมกับศิลปิน และประสบการณ์ตรงจากผู้ป่วย พร้อมการแสดงบนเวที และอื่นๆ อีกมากมาย เวลา 08.30-16.30 น. ณ โถงอาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ.ศิริราช