วุฒิสภาเคาะ กม.สาธารณสุขชุมชน ขีดเส้นให้วินิจฉัยโรคได้เบื้องต้นเพียง 20% เท่านั้น หลังซักไซ้ขอบเขตการทำงานสาธารณสุขชุมชนนานกว่า 2 ชั่วโมง หวั่นวินิจฉัยโรคผิดพลาด เพราะไม่ใช่แพทย์
ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเสียงข้างมาก 116 ต่อ 4 เสียงเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ตามที่คณะกรรมาธิการร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเสนอ โดยจากนั้นจะส่งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีสาระสำคัญ คือ การกำหนดนิยามคำว่าวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน หมายถึงวิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในชุมชนเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมโรค การตรวจประเมิน และการบำบัดโรคเบื้องต้น แต่ไม่รวมถึงการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
อย่างไรก็ตาม ตลอดการอภิปรายกว่า 2 ชั่วโมง ส.ว.ส่วนใหญ่ได้สอบถามว่าถึงขอบเขตในการทำงานของผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนว่าเป็นอย่างไร โดยเกรงว่าอาจจะก่อให้เกิดการวินิจฉัยโรคที่ผิดพลาดได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นแพทย์ที่มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยโรคได้โดยตรง
พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก ส.ว.สรรหา ในฐานะ กมธ.ชี้แจงว่า กฎหมายฉบับนี้จะให้อำนาจแก่ผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขในการวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยได้ประมาณ 20% เท่านั้น เช่น การให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เป็นต้น ก่อนที่จะส่งมอบให้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญดำเนินการรักษาต่อไป ซึ่งการมีกฎหมายฉบับนี้จะเป็นการทำให้การทำงานของผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขชุมนุมมีกฎหมายรองรับ
ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเสียงข้างมาก 116 ต่อ 4 เสียงเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ตามที่คณะกรรมาธิการร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเสนอ โดยจากนั้นจะส่งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีสาระสำคัญ คือ การกำหนดนิยามคำว่าวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน หมายถึงวิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในชุมชนเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การควบคุมโรค การตรวจประเมิน และการบำบัดโรคเบื้องต้น แต่ไม่รวมถึงการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
อย่างไรก็ตาม ตลอดการอภิปรายกว่า 2 ชั่วโมง ส.ว.ส่วนใหญ่ได้สอบถามว่าถึงขอบเขตในการทำงานของผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนว่าเป็นอย่างไร โดยเกรงว่าอาจจะก่อให้เกิดการวินิจฉัยโรคที่ผิดพลาดได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นแพทย์ที่มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยโรคได้โดยตรง
พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก ส.ว.สรรหา ในฐานะ กมธ.ชี้แจงว่า กฎหมายฉบับนี้จะให้อำนาจแก่ผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขในการวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยได้ประมาณ 20% เท่านั้น เช่น การให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เป็นต้น ก่อนที่จะส่งมอบให้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญดำเนินการรักษาต่อไป ซึ่งการมีกฎหมายฉบับนี้จะเป็นการทำให้การทำงานของผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขชุมนุมมีกฎหมายรองรับ