ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติ 382 เสียง ผ่านร่าง พ.ร.บ.การสาธารณสุขชุมชน หลังเจอโรคเลื่อน เหตุมีการแก้ถ้อยคำ สรุปใช้คำว่า “บำบัดโรคเบื้องต้น” ก่อนส่งให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจวินิจฉัย
วันนี้ (2 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น.ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การสาธารณสุขชุมชน หลังจากที่คณะกรรมาธิการร่วม ส.ส.และ ส.ว.ได้พิจารณาแล้วเสร็จ โดย นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการร่วม ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้เสนอขอเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา และเสนองดใช้ข้อบังคับการประชุมเพื่อให้สามารถพิจารณาได้ทันทีโดยไม่ต้องเว้นไว้ 1 วัน ขณะที่ด้านฝ่ายค้านอย่าง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน รีบลุกขึ้นสนับสนุน ว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่สมัยที่ตนเป็น รมว.สาธารณสุข และฝ่ายค้านไม่ขัดข้องที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ และขอให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อน และของดใช้ข้อบังคับเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการท่ามกลางแรงกดดันจากกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จากทั่วประเทศ ที่เดินทางมาชุมนุมรอการพิจารณาร่างฯตั้งแต่ช่วงเช้า ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีบางส่วนเข้ามาร่วมลุ้นฟังในห้องประชุมและบริเวณห้องโถงอาคารรัฐสภา โดยบางส่วนนำกล้องวีดีโอมาบันทึกการประชุมเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สภาเคยผ่านวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่ปรากฏว่า วุฒิสภาได้มีมติไม่เห็นชอบ จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน โดยคณะกรรมาธิการร่วมได้มีการแก้ไขถ้อยคำ จากร่างฯ เดิมที่ให้ อสม.สามารถทำการตรวจและวินิจฉัยโรคเบื้องต้นได้ เปลี่ยนเป็น “การบำบัดโรคเบื้องต้น” เป็นไปตามที่กลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญท้วงติงว่า อสม.ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเหมือนแพทย์และพยาบาล ที่ผ่านหลักสูตรการเรียนและฝึกอบรมเฉพาะด้านมาแล้ว ขณะที่ อสม.เป็นกลุ่มอาสาสมัคร ความเชี่ยวชาญจึงไม่เทียบเท่า จึงควรใช้คำว่าบำบัดโรคเบื้องต้นก่อนส่งให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจวินิจฉัยต่อไป
อย่างไรก็ตามระหว่างที่สมาชิกได้พิจารณา กลุ่ม อสม.ที่เดินทางมาคอยฟังผลการพิจารณาที่บริเวณอาคารรัฐสภา 1 อย่างใจจดจ่อ จนเมื่อที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยคะแนนเอกฉันท์ 382 เสียง ทำให้กลุ่ม อสม.ต่างส่งเสียงเฮด้วยความดีใจ และขั้นตอนหลังจากนี้นำส่งให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย โดยมีผลบังคับใช้ หลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษา