กองทุนโลกตัดงบป้องกันเอดส์ให้ไทยแน่ วงถก คกก.แก้ปัญหาเอดส์เสนอ สปสช.ของบปี 2558 ให้ขยายการดำเนินงานจากการรักษาให้ครอบคลุมเรื่องการป้องกันด้วย ชูตรวจหาเชื้อไวรัสยาต้านไวรัสไวมีสิทธิหาย ด้าน “พงศ์เทพ” เสนอ ปชช.ตรวจเอดส์ด้วยตัวเอง แก้ปัญหาการตีตรา
วันนี้ (27 ก.ย.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ครั้งที่ 3/2556 ซึ่งมี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมมีการหารือประเด็นหลัก 3 เรื่อง คือ 1.การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ ซึ่งเรื่องนี้มีข้อกังวลเพราะกองทุนโลก (Global Fund) จะไม่สนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณสุขสำหรับโรคเอดส์แก่เครือข่ายผู้ป่วยเอชไอวีประเทศไทย จึงจำเป็นต้องหาแหล่งงบประมาณจากภายในประเทศแทน จึงเสนอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ของบประมาณปี 2558 จากเดิมที่ต้องทำเรื่องการรักษาโรคเอดส์เพียงอย่างเดียว ให้ขยายงานเข้ามาดูแลในส่วนของการป้องกันโรคด้วย
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า 2.การรักษาโรคเอดส์ ขณะนี้ได้มีการกำหนดเกณฑ์การให้ยาต้านไวรัสฯ ที่ระดับภูมิคุ้มกันของเม็ดเลือดขาว หรือ ค่าซีดีโฟว์ (CD4) เร็วขึ้นที่ระดับ 350 ซึ่งจะช่วยให้การแพร่เชื้อลดลง ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยให้นโยบายลดเอดส์ให้เหลือศูนย์ ภายในปี 2559 คือ ไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ และไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ เป็นจริงขึ้น โดยกลยุทธ์คือต้องทำให้ประชาชนออกมาเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชาย เพราะหากพบว่าติดเชื้อก็จะได้ให้การรักษาได้ทันด้วยยาต้านไวรัส 3.เรื่องการตีตราและเลือกปฏิบัติบุคคลที่ติดเชื้อ เรื่องนี้ถือเป็นอุปสรรคต่อการรณรงค์ให้คนออกมาตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะเกรงว่าตรวจพบแล้วจะเป็นที่เลือกปฏิบัติของคนในสังคม ซึ่ง นายพงศ์เทพ ได้เสนอให้ผู้ที่ต้องการตรวจหาเชื้อสามารถทำการตรวจด้วยตนเอง แล้วให้สถานพยาบาลรองรับผลการตรวจอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้ (27 ก.ย.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ครั้งที่ 3/2556 ซึ่งมี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมมีการหารือประเด็นหลัก 3 เรื่อง คือ 1.การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ ซึ่งเรื่องนี้มีข้อกังวลเพราะกองทุนโลก (Global Fund) จะไม่สนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณสุขสำหรับโรคเอดส์แก่เครือข่ายผู้ป่วยเอชไอวีประเทศไทย จึงจำเป็นต้องหาแหล่งงบประมาณจากภายในประเทศแทน จึงเสนอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ของบประมาณปี 2558 จากเดิมที่ต้องทำเรื่องการรักษาโรคเอดส์เพียงอย่างเดียว ให้ขยายงานเข้ามาดูแลในส่วนของการป้องกันโรคด้วย
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า 2.การรักษาโรคเอดส์ ขณะนี้ได้มีการกำหนดเกณฑ์การให้ยาต้านไวรัสฯ ที่ระดับภูมิคุ้มกันของเม็ดเลือดขาว หรือ ค่าซีดีโฟว์ (CD4) เร็วขึ้นที่ระดับ 350 ซึ่งจะช่วยให้การแพร่เชื้อลดลง ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยให้นโยบายลดเอดส์ให้เหลือศูนย์ ภายในปี 2559 คือ ไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ และไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ เป็นจริงขึ้น โดยกลยุทธ์คือต้องทำให้ประชาชนออกมาเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชาย เพราะหากพบว่าติดเชื้อก็จะได้ให้การรักษาได้ทันด้วยยาต้านไวรัส 3.เรื่องการตีตราและเลือกปฏิบัติบุคคลที่ติดเชื้อ เรื่องนี้ถือเป็นอุปสรรคต่อการรณรงค์ให้คนออกมาตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะเกรงว่าตรวจพบแล้วจะเป็นที่เลือกปฏิบัติของคนในสังคม ซึ่ง นายพงศ์เทพ ได้เสนอให้ผู้ที่ต้องการตรวจหาเชื้อสามารถทำการตรวจด้วยตนเอง แล้วให้สถานพยาบาลรองรับผลการตรวจอีกครั้งหนึ่ง