1 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันรณรงค์ตรวจเอชไอวีแห่งชาติ หรือ VCT Day และตลอดเดือนกรกฎาคมของทุกปี เป็นเดือนรณรงค์ให้ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเข้ารับบริการตรวจเลือดเพื่อประเมินการติดเชื้อเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีในโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถแจ้งผลเลือดได้ภายในวันเดียว
กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ในโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง ทั่วประเทศ สามารถแจ้งผลเลือดได้ภายในวันเดียว โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว สามารถรับการตรวจเลือดฟรีทุกสิทธิการรักษา เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว ช่วยลดการถ่ายทอดเชื้อให้แก่คู่ และลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลดการตายจากเอดส์ให้เป็นศูนย์ โดยผู้ที่ติดเชื้อจะได้รับการดูแลและได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเมื่อระดับเม็ดเลือดขาวหรือซีดีโฟร์(CD4) ลดลงเหลือต่ำกว่า 350 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิลิตร ซึ่งจะช่วยลดการถ่ายทอดเชื้อให้แก่คู่ได้ถึงร้อยละ 96
สำหรับขั้นตอนการตรวจ นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 บอกว่า เพียงเข้าไปยื่นบัตรประชาชนเพียงใบเดียวที่ห้องทำบัตร หรือติดต่อที่ห้องให้การปรึกษา เพื่อแจ้งความประสงค์แก่เจ้าหน้าที่ และจะได้รับการปรึกษา ประเมินพฤติกรรมเสี่ยง และข้อมูลขั้นตอนในการตรวจเลือด และรับฟังผลเลือดภายในวันที่ตรวจ และหากพบว่าติดเชื้อเอชไอวี จะได้รับการเจาะเลือดหาระดับซีดีโฟร์ และพบแพทย์เพื่อเข้าระบบการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง
ทั้งยังให้ข้อมูลต่้อไปอีกว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยเสี่ยงเกิดการระบาดโรคเอดส์ซ้ำสอง เนื่องจากประชาชนจำนวนมากไม่คิดว่าตนเองจะติดเชื้อเอชไอวี หรือไม่กล้าเผชิญความจริง จึงไม่ไปรับการตรวจเลือด ซึ่งเป็นผลเสียมาก ทำให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในวงกว้าง และทวีคูณ เห็นได้จากข้อมูลของสปสช. มีรายงานว่า ตลอดปี 2555 มีผู้สมัครใจเข้ารับบริการปรึกษาและตรวจหาเชื้อเอชไอวีรวม 562,542 คน แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 547,407 คน พบติดเชื้อ 16,984 คนและในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 15,135 คน พบติดเชื้อ 306 คน จึงต้องเร่งรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่
ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย กลุ่มพนักงานบริการ รวมทั้งผู้ใช้สารเสพติด เข้ารับการตรวจเลือดให้มากที่สุด เพื่อให้ได้รับการรักษาโดยเร็ว โดยกำหนดว่าจะต้องให้ยาแก่ผู้ป่วยเมื่อ มีจำนวน "ซีดี4 เซลล์" เหลือไม่ถึง 500 เซลล์ ก็ควรจะให้ยารักษาได้แล้ว หมายความว่า การรักษาผู้ป่วยควรจะเริ่มตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ ทั้งนี้การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะสามารถทำให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่แข็งแรงและลดปริมาณของไวรัสในเลือดลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นด้วย
สามารถปรึกษาปัญหาเอดส์ได้ทางหมายเลข 1663 สายด่วนบริการปรึกษาเรื่องเอดส์
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live