สำนักงานประกันสังคม ลงนามร่วม 5 บริษัทหลักทรัพย์ นำเงินกรณีชราภาพกว่า 45,000 ล้านบาท ไปลงทุนในประเทศ
วันนี้ (25 ก.ย) นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาจ้างกองทุนย่อยภายในประเทศ กองทุนประกันสังคม ระหว่างนายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กับ ผู้บริหาร 5 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมกล่าวว่า ที่ผ่านมาส่วนหนึ่งที่จำนวนเงินในกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้น ก็เป็นเพราะการจัดจ้างบริษัทลงทุนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งบริษัททั้ง 5 เป็นที่ไว้วางใจเข้ามาบริหารงาน ดังนั้นขอให้บริหารงานอย่างเต็มที่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนายจ้าง ลูกจ้าง ที่เป็นสมาชิกกองทุน
ด้าน นายจีรศักดิ์ กล่าวว่า บริษัททั้ง 5 ราย เป็นบริษัทที่ได้คะแนนจากข้อเสนอผลงานและการสัมภาษณ์สูงสุด 5 อันดับแรก และได้รับการพิจารณาว่าเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีประสิทธิภาพ สามารถมอบหมายให้ดูแลกองทุนได้ ซึ่งทั้ง 5 บริษัทจะได้รับการจัดสรรเงินกรณีชราภาพ ไปบริหารจัดการ รายละ 9,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 45,000 ล้านบาท โดยการลงนามมีระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2556 ถึง 30 กันยายน 2561 ทั้งนี้ สปส.สามารถยกเลิกสัญญาได้ในระยะเวลา 3 ปี หากมีการบริหารการลงทุนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการลงทุนในแต่ละปีของตลาดหลักทรัพย์ (Benchmark) โดยต้องรายงานผลการดำเนินงานให้สปส.ทราบทุกไตรมาส คาดหวังว่าจะได้รับผลตอบเเทนที่เพิ่มขึ้น
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สปส.กำหนดหลักเกณฑ์ให้ทั้ง 5 บริษัท นำเงินกองทุนกรณีชราภาพไปลงทุนในสัดส่วนตราสารหนี้ไทยไม่เกินร้อยละ 80 หุ้นไทยไม่เกินร้อยละ 20 รวมทั้งให้ลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากนำเงินไปลงทุนในส่วนของภาคเอกชน ในส่วนของกรุงไทยจะเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 2-3 ซึ่งมากกว่าการลงทุนในพันธบัตร
ด้าน นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กองทุนประกันสังคมถือว่าเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งบริษัทได้ร่วมงานกับประกันสังคมมาแล้วกว่า 10 ปี ในปีนี้ได้รับเงินลงทุนมากกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ในระยะเวลาการลงทุน 5 ปี โดยจะนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยประมาณร้อยละ 15 แต่ไม่เกิน ร้อยละ 20 รวมทั้งตราสารหนี้ต่างๆ จากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไม่ได้มีความผันผวนมาก น่าจะทำให้สามารถบริหารจัดการกองทุนและได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6-7 ซึ่งถือเป็นอัตราที่ดีเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อที่ร้อยละ 3
วันนี้ (25 ก.ย) นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาจ้างกองทุนย่อยภายในประเทศ กองทุนประกันสังคม ระหว่างนายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กับ ผู้บริหาร 5 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมกล่าวว่า ที่ผ่านมาส่วนหนึ่งที่จำนวนเงินในกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้น ก็เป็นเพราะการจัดจ้างบริษัทลงทุนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งบริษัททั้ง 5 เป็นที่ไว้วางใจเข้ามาบริหารงาน ดังนั้นขอให้บริหารงานอย่างเต็มที่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนายจ้าง ลูกจ้าง ที่เป็นสมาชิกกองทุน
ด้าน นายจีรศักดิ์ กล่าวว่า บริษัททั้ง 5 ราย เป็นบริษัทที่ได้คะแนนจากข้อเสนอผลงานและการสัมภาษณ์สูงสุด 5 อันดับแรก และได้รับการพิจารณาว่าเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีประสิทธิภาพ สามารถมอบหมายให้ดูแลกองทุนได้ ซึ่งทั้ง 5 บริษัทจะได้รับการจัดสรรเงินกรณีชราภาพ ไปบริหารจัดการ รายละ 9,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 45,000 ล้านบาท โดยการลงนามมีระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2556 ถึง 30 กันยายน 2561 ทั้งนี้ สปส.สามารถยกเลิกสัญญาได้ในระยะเวลา 3 ปี หากมีการบริหารการลงทุนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการลงทุนในแต่ละปีของตลาดหลักทรัพย์ (Benchmark) โดยต้องรายงานผลการดำเนินงานให้สปส.ทราบทุกไตรมาส คาดหวังว่าจะได้รับผลตอบเเทนที่เพิ่มขึ้น
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สปส.กำหนดหลักเกณฑ์ให้ทั้ง 5 บริษัท นำเงินกองทุนกรณีชราภาพไปลงทุนในสัดส่วนตราสารหนี้ไทยไม่เกินร้อยละ 80 หุ้นไทยไม่เกินร้อยละ 20 รวมทั้งให้ลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากนำเงินไปลงทุนในส่วนของภาคเอกชน ในส่วนของกรุงไทยจะเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 2-3 ซึ่งมากกว่าการลงทุนในพันธบัตร
ด้าน นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กองทุนประกันสังคมถือว่าเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งบริษัทได้ร่วมงานกับประกันสังคมมาแล้วกว่า 10 ปี ในปีนี้ได้รับเงินลงทุนมากกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ในระยะเวลาการลงทุน 5 ปี โดยจะนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยประมาณร้อยละ 15 แต่ไม่เกิน ร้อยละ 20 รวมทั้งตราสารหนี้ต่างๆ จากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไม่ได้มีความผันผวนมาก น่าจะทำให้สามารถบริหารจัดการกองทุนและได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6-7 ซึ่งถือเป็นอัตราที่ดีเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อที่ร้อยละ 3
