สปส.ร่อนหนังสือถึงผู้ประกันตนที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์เดือน พ.ย.นี้ เตรียมหลักฐานยื่นรับเงินชราภาพ คาดปี 2557 มีผู้รับสิทธิเงินบำเหน็จ-บำนาญชราภาพทั้งหมดกว่า 1.2 แสนคน ควักเงินกองทุนจ่าย 8.2 พันล้านบาท
นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน (รง.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมมีเงินสะสมอยู่กว่า 1.05 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นเงินสมทบสะสม 7.5 แสนล้านบาท และดอกผลสะสมจากการลงทุน 3 แสนล้านบาท ซึ่งเงินสะสมร้อยละ 90 ของกองทุนเป็นเงินออมชราภาพของผู้ประกันตนประมาณ 11 ล้านคน เพื่อไว้รอจ่ายเป็นเงินบำเหน็จหรือบำนาญเมื่อผู้ประกันตนเกษียณจากการทำงาน ซึ่งเงินบำเหน็จนั้นจะจ่ายในอัตราเงินสมทบที่นำส่งเข้ากองทุนชราภาพในกองทุนประกันสังคมต่อเดือน คูณด้วยจำนวนปีที่นำส่ง พร้อมกับดอกผลที่นำไปลงทุนอีกร้อยละ 1.5 ของเงินเดือนเฉลี่ย ส่วนเงินบำนาญชราภาพที่ได้รับนั้นคำนวณตามสูตรเท่ากับร้อยละ 20 ของเงินเฉลี่ย 60 เดือน หรือ 5 ปีสุดท้าย พร้อมดอกผลจากการนำเงินไปลงทุนอีกร้อยละ 1.5 ของเงินเดือนเฉลี่ย ส่วนเงินกองทุนประกันสังคมที่เหลือร้อยละ 10 เป็นเงินสำรองไว้จ่ายสิทธิประโยชน์อีก 6 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตรและว่างงาน
เลขาธิการ สปส.กล่าวอีกว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ สปส.จะทำหนังสือส่งไปรษณีย์แจ้งผู้ประกันตนซึ่งเป็นลูกจ้างที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นผู้ที่มีสิทธิรับเงินสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพในปี 2557 เพื่อให้เตรียมเอกสารและหลักฐานต่างๆ ไปยื่นเรื่องขอรับเงินสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ ซึ่งช่วงเวลาที่ผู้ประกันตนไปยื่นขอรับสิทธิดังกล่าวนั้นเป็นไปตามช่วงเวลาที่ผู้ประกันตนแต่ละคนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเกษียณจากการทำงานแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2557 สปส.จะเริ่มจ่ายเงินบำนาญชราภาพเป็นครั้งแรกและได้ประมาณการจะมีผู้ประกันตนได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ 122,860 คน เป็นเงิน 8,190 ล้านบาท และเงินบำนาญชราภาพ 3,250 คน เป็นเงิน 80 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 8,270 ล้านบาท
“หากผู้ประกันตนซึ่งเป็นลูกจ้างที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และมีสิทธิรับเงินสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ยังไม่ต้องการเกษียณจากการทำงาน เนื่องจากนายจ้างยังต้องการจ้างงานต่อไปจนถึงอายุ 60 ปี ก็มี
สิทธิยังไม่ขอรับเงินสิทธิประโยชน์ดังกล่าวและสามารถส่งเงินสมทบเข้าสู่กองทุนประกันสังคมต่อไปเรื่อยๆ จนอายุ 60 ปี หลังจากนั้นมาขอรับสิทธิกรณีเงินชราภาพเมื่อเกษียณจากการทำงานได้” นายจีรศักดิ์กล่าว
นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน (รง.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมมีเงินสะสมอยู่กว่า 1.05 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นเงินสมทบสะสม 7.5 แสนล้านบาท และดอกผลสะสมจากการลงทุน 3 แสนล้านบาท ซึ่งเงินสะสมร้อยละ 90 ของกองทุนเป็นเงินออมชราภาพของผู้ประกันตนประมาณ 11 ล้านคน เพื่อไว้รอจ่ายเป็นเงินบำเหน็จหรือบำนาญเมื่อผู้ประกันตนเกษียณจากการทำงาน ซึ่งเงินบำเหน็จนั้นจะจ่ายในอัตราเงินสมทบที่นำส่งเข้ากองทุนชราภาพในกองทุนประกันสังคมต่อเดือน คูณด้วยจำนวนปีที่นำส่ง พร้อมกับดอกผลที่นำไปลงทุนอีกร้อยละ 1.5 ของเงินเดือนเฉลี่ย ส่วนเงินบำนาญชราภาพที่ได้รับนั้นคำนวณตามสูตรเท่ากับร้อยละ 20 ของเงินเฉลี่ย 60 เดือน หรือ 5 ปีสุดท้าย พร้อมดอกผลจากการนำเงินไปลงทุนอีกร้อยละ 1.5 ของเงินเดือนเฉลี่ย ส่วนเงินกองทุนประกันสังคมที่เหลือร้อยละ 10 เป็นเงินสำรองไว้จ่ายสิทธิประโยชน์อีก 6 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตรและว่างงาน
เลขาธิการ สปส.กล่าวอีกว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ สปส.จะทำหนังสือส่งไปรษณีย์แจ้งผู้ประกันตนซึ่งเป็นลูกจ้างที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นผู้ที่มีสิทธิรับเงินสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพในปี 2557 เพื่อให้เตรียมเอกสารและหลักฐานต่างๆ ไปยื่นเรื่องขอรับเงินสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ ซึ่งช่วงเวลาที่ผู้ประกันตนไปยื่นขอรับสิทธิดังกล่าวนั้นเป็นไปตามช่วงเวลาที่ผู้ประกันตนแต่ละคนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเกษียณจากการทำงานแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2557 สปส.จะเริ่มจ่ายเงินบำนาญชราภาพเป็นครั้งแรกและได้ประมาณการจะมีผู้ประกันตนได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ 122,860 คน เป็นเงิน 8,190 ล้านบาท และเงินบำนาญชราภาพ 3,250 คน เป็นเงิน 80 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 8,270 ล้านบาท
“หากผู้ประกันตนซึ่งเป็นลูกจ้างที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และมีสิทธิรับเงินสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ยังไม่ต้องการเกษียณจากการทำงาน เนื่องจากนายจ้างยังต้องการจ้างงานต่อไปจนถึงอายุ 60 ปี ก็มี
สิทธิยังไม่ขอรับเงินสิทธิประโยชน์ดังกล่าวและสามารถส่งเงินสมทบเข้าสู่กองทุนประกันสังคมต่อไปเรื่อยๆ จนอายุ 60 ปี หลังจากนั้นมาขอรับสิทธิกรณีเงินชราภาพเมื่อเกษียณจากการทำงานได้” นายจีรศักดิ์กล่าว
