สปส.ตั้งคณะทำงานศึกษาเพิ่มสิทธิ-ย่นเวลาเกิดสิทธิประโยชน์ เผยแนวโน้มส่งเงินสมทบ 1 เดือนให้ได้รับสิทธิรักษากรณีเจ็บป่วย จากเดิมต้องส่งเงินสมทบ 3 เดือน แจงเพิ่มสิทธิประโยชน์ต้องรอบคอบ คำนึงถึงความมั่นคงด้านการเงินของกองทุนในระยะยาว
นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงผลสำรวจของกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรีที่ขอเสนอให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบจากปัจจุบัน 2.75% เพิ่มเป็น 5% และอยากให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ในกรณีต่างๆ และให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทันที เมื่อจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม รวมทั้งอยากให้ออกบัตรรับรองสิทธ์ใบเดียวสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลได้กับทุกโรงพยาบาลในระบบประกันสังคมว่า ขณะนี้ สปส.ได้ตั้งคณะทำงานซึ่งมีนางสุพัชรี มีครุฑ รองเลขาธิการ สปส.เป็นประธานคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องการเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนในกรณีต่างๆ และระยะเวลาการเกิดสิทธิหลังเข้าเป็นผู้ประกันตน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) ได้มอบนโยบายแก่ สปส.โดยต้องการให้ สปส.เพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนและให้เกิดสิทธิหลังเข้าเป็นผู้ประกันตนโดยเร็วที่สุด
เลขาธิการ สปส.กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวเท่าที่ดูความเป็นไปได้ อาจจะย่นระยะเวลาการเกิดสิทธิได้ แต่ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นกรณีสิทธิประโยชน์ไป เช่น กรณีเจ็บป่วยจากเดิมเมื่อเข้าเป็นผู้ประกันตนและจ่ายเงินสมทบต่อเนื่อง 3 เดือนแล้วจึงเกิดสิทธิประโยชน์ กรณีรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการทำงาน ก็ปรับเปลี่ยนเป็นต้องจ่ายเงินสมทบต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือน แต่จะให้เร็วกว่านี้คงทำได้ยาก เนื่องจาก สปส.ต้องใช้เวลาในการบันทึกข้อมูลลงระบบคอมพิวเตอร์ ส่งต่อข้อมูลผู้ประกันตนไปยังโรงพยาบาลในระบบประกันสังคมและออกบัตรรับรองสิทธิให้แก่ผู้ประกันตน หรือสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของแรงงานต่างด้าวควรจะได้รับเป็นเงินบำเหน็จเมื่อเดินทางกลับประเทศต้นทาง
“ก่อนที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ในเรื่องไหน สปส.จะต้องศึกษาผลกระทบให้ดีก่อนโดยคำนึงถึงความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมในระยะยาวเป็นหลัก หากจ่ายเงินออกไปโดยไม่สมเหตุสมผล หรือจ่ายออกไปมากในตอนนี้แล้ว ส่งผลผูกพันต่อกองทุนระยะยาวทำให้เงินกองทุนร่อยหรอลงไปจะสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนที่จะรับเงินสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพโดยเป็นเงินบำเหน็จและเงินบำนาญ เดือดร้อนในอนาคตแต่ไม่ได้หมายความจะไม่เพิ่มสิทธิประโยชน์อะไรเลยเวลานี้ สปส.ได้ตั้งคณะทำงานศึกษาการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้ง 7 กรณีโดยจะศึกษาเป็นรายกรณีสิทธิประโยชน์ไปเรื่องไหนเสร็จจะนำเข้าหารือบอร์ด สปส.หลังจากนั้นเสนอรัฐบาลเพราะรัฐบาลได้ร่วมจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนบางประเทศรัฐบาลไม่ได้ร่วมจ่ายเลยเพราะมองเป็นเรื่องระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ประเทศไทยถือว่าโชคดีที่รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบด้วย” เลขาธิการ สปส.กล่าว
นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงผลสำรวจของกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรีที่ขอเสนอให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบจากปัจจุบัน 2.75% เพิ่มเป็น 5% และอยากให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ในกรณีต่างๆ และให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทันที เมื่อจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม รวมทั้งอยากให้ออกบัตรรับรองสิทธ์ใบเดียวสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลได้กับทุกโรงพยาบาลในระบบประกันสังคมว่า ขณะนี้ สปส.ได้ตั้งคณะทำงานซึ่งมีนางสุพัชรี มีครุฑ รองเลขาธิการ สปส.เป็นประธานคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องการเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนในกรณีต่างๆ และระยะเวลาการเกิดสิทธิหลังเข้าเป็นผู้ประกันตน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) ได้มอบนโยบายแก่ สปส.โดยต้องการให้ สปส.เพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนและให้เกิดสิทธิหลังเข้าเป็นผู้ประกันตนโดยเร็วที่สุด
เลขาธิการ สปส.กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวเท่าที่ดูความเป็นไปได้ อาจจะย่นระยะเวลาการเกิดสิทธิได้ แต่ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นกรณีสิทธิประโยชน์ไป เช่น กรณีเจ็บป่วยจากเดิมเมื่อเข้าเป็นผู้ประกันตนและจ่ายเงินสมทบต่อเนื่อง 3 เดือนแล้วจึงเกิดสิทธิประโยชน์ กรณีรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการทำงาน ก็ปรับเปลี่ยนเป็นต้องจ่ายเงินสมทบต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือน แต่จะให้เร็วกว่านี้คงทำได้ยาก เนื่องจาก สปส.ต้องใช้เวลาในการบันทึกข้อมูลลงระบบคอมพิวเตอร์ ส่งต่อข้อมูลผู้ประกันตนไปยังโรงพยาบาลในระบบประกันสังคมและออกบัตรรับรองสิทธิให้แก่ผู้ประกันตน หรือสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพของแรงงานต่างด้าวควรจะได้รับเป็นเงินบำเหน็จเมื่อเดินทางกลับประเทศต้นทาง
“ก่อนที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ในเรื่องไหน สปส.จะต้องศึกษาผลกระทบให้ดีก่อนโดยคำนึงถึงความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมในระยะยาวเป็นหลัก หากจ่ายเงินออกไปโดยไม่สมเหตุสมผล หรือจ่ายออกไปมากในตอนนี้แล้ว ส่งผลผูกพันต่อกองทุนระยะยาวทำให้เงินกองทุนร่อยหรอลงไปจะสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนที่จะรับเงินสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพโดยเป็นเงินบำเหน็จและเงินบำนาญ เดือดร้อนในอนาคตแต่ไม่ได้หมายความจะไม่เพิ่มสิทธิประโยชน์อะไรเลยเวลานี้ สปส.ได้ตั้งคณะทำงานศึกษาการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้ง 7 กรณีโดยจะศึกษาเป็นรายกรณีสิทธิประโยชน์ไปเรื่องไหนเสร็จจะนำเข้าหารือบอร์ด สปส.หลังจากนั้นเสนอรัฐบาลเพราะรัฐบาลได้ร่วมจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนบางประเทศรัฐบาลไม่ได้ร่วมจ่ายเลยเพราะมองเป็นเรื่องระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ประเทศไทยถือว่าโชคดีที่รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบด้วย” เลขาธิการ สปส.กล่าว