สปส.จับมือ ธ.กรุงไทย-กกจ.เร่งสรุปค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่อนชำระหนี้ในโครงการสินเชื่อเพื่อไปทำงานต่างประเทศ วอนลดค่าธรรมเนียมลงให้น้อยที่สุดช่วยลดภาระแก่แรงงานไทย พร้อมแจ้งให้ทราบล่วงหน้า คาดเริ่มปล่อยกู้ได้เดือนต.ค.นี้
วันนี้ (2 ก.ย.) นางดุษฎี อัมรานุรักษ์ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการสินเชื่อเพื่อไปทำงานต่างประเทศของ สปส.ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้หารือกับผู้แทนธนาคารกรุงไทย และกรมการจัดหางาน (กกจ.) โดยผู้แทนธนาคารกรุงไทยแจ้งว่าต้องการได้รายชื่อธนาคารในประเทศต่างๆ เช่น ธนาคารในประเทศเกาหลี อิสราเอล ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศนั้นๆ มักจะไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อโอนเงินกลับมายังประเทศไทย เพื่อที่ทางธนาคารกรุงไทยจะได้ประสานไปยังธนาคารในต่างประเทศเหล่านี้ และจะได้ทราบถึงข้อมูลค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าเปิดบัญชี ค่าโอนเงินมายังประเทศไทยเพื่อผ่อนชำระหนี้เงินกู้โครงการ หลังจากนั้นก็สรุปตัวเลขค่าธรรมเนียมโดยภาพรวมแล้วแจ้งให้แรงงานไทยซึ่งเป็นผู้กู้เงินโครงการฯ ได้ทราบข้อมูลล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มยื่นกู้เงินโครงการว่า ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของธนาคารในต่างประเทศซึ่งไม่รวมวงเงินกู้เป็นเงินทั้งหมดเท่าใด ทั้งนี้ กกจ.จะไปดำเนินการรวบรวมข้อมูลข้างต้นส่งให้แก่ธนาคารกรุงไทย
“ขณะเดียวกัน สปส.ได้ขอความร่วมมือธนาคารกรุงไทยให้ช่วยพิจารณาลดค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงช่วยประสานกับธนาคารในต่างประเทศที่แรงงานไทยมักจะไปเปิดบัญชีเพื่อขอให้พิจารณาลดค่าธรรมเนียมลงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแก่แรงงานไทยให้เหลือน้อยที่สุด คาดว่า กกจ.และธนาคารกรุงไทยจะสรุปข้อมูลข้างต้นได้ภายในเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นคาดว่าไม่เกินเดือนตุลาคมนี้ ทาง สปส.จะลงนามความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย และ กกจ.จึงเริ่มเปิดให้แรงงานไทยยื่นกู้เงินโครงการได้” นางดุษฎี กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการประกันสังคมได้มีมติอนุมัติการดำเนินโครงการโดย สปส.กำหนดกรอบวงเงินไว้ทั้งหมด 5,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะมีผู้กู้ทั้งสิ้นประมาณ 10,000 คน เบื้องต้นจะมีการนำร่องโครงการก่อนโดยใช้วงเงิน 500 ล้านบาท และธนาคารกรุงไทยจะเป็นผู้ปล่อยกู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 คงที่ 2 ปี ส่วนเงื่อนไขการกู้เงินโครงการนี้ผู้กู้ต้องเป็นหรือเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ มาตรา 40 โดยกรณีมาตรา 40 นั้นต้องส่งเงินสมทบติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน นอกจากนี้ ผู้ยื่นกู้ต้องหลักฐานประกอบด้วยหนังสือรับรองจาก สปส.ว่า เป็นผู้ประกันตนหรือเคยเป็นผู้ประกันมาตรา 33 หรือ มาตรา 40 และมีหนังสือรับรองจากกรมการจัดหางาน (กกจ.) ว่าทำงานต่างประเทศและมีนายจ้างจริง ซึ่งสามารถยื่นกู้ได้รายละ 150,000 บาท โดยไม่ต้องใช้บุคคล หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่จะต้องทำสัญญากับธนาคารกรุงไทยยินยอมให้หักเงินเดือนเพื่อผ่อนชำระหนี้ สปส.ผ่านบัญชีธนาคารในต่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาหนี้เสีย
วันนี้ (2 ก.ย.) นางดุษฎี อัมรานุรักษ์ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการสินเชื่อเพื่อไปทำงานต่างประเทศของ สปส.ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้หารือกับผู้แทนธนาคารกรุงไทย และกรมการจัดหางาน (กกจ.) โดยผู้แทนธนาคารกรุงไทยแจ้งว่าต้องการได้รายชื่อธนาคารในประเทศต่างๆ เช่น ธนาคารในประเทศเกาหลี อิสราเอล ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศนั้นๆ มักจะไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อโอนเงินกลับมายังประเทศไทย เพื่อที่ทางธนาคารกรุงไทยจะได้ประสานไปยังธนาคารในต่างประเทศเหล่านี้ และจะได้ทราบถึงข้อมูลค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าเปิดบัญชี ค่าโอนเงินมายังประเทศไทยเพื่อผ่อนชำระหนี้เงินกู้โครงการ หลังจากนั้นก็สรุปตัวเลขค่าธรรมเนียมโดยภาพรวมแล้วแจ้งให้แรงงานไทยซึ่งเป็นผู้กู้เงินโครงการฯ ได้ทราบข้อมูลล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มยื่นกู้เงินโครงการว่า ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของธนาคารในต่างประเทศซึ่งไม่รวมวงเงินกู้เป็นเงินทั้งหมดเท่าใด ทั้งนี้ กกจ.จะไปดำเนินการรวบรวมข้อมูลข้างต้นส่งให้แก่ธนาคารกรุงไทย
“ขณะเดียวกัน สปส.ได้ขอความร่วมมือธนาคารกรุงไทยให้ช่วยพิจารณาลดค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงช่วยประสานกับธนาคารในต่างประเทศที่แรงงานไทยมักจะไปเปิดบัญชีเพื่อขอให้พิจารณาลดค่าธรรมเนียมลงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแก่แรงงานไทยให้เหลือน้อยที่สุด คาดว่า กกจ.และธนาคารกรุงไทยจะสรุปข้อมูลข้างต้นได้ภายในเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นคาดว่าไม่เกินเดือนตุลาคมนี้ ทาง สปส.จะลงนามความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย และ กกจ.จึงเริ่มเปิดให้แรงงานไทยยื่นกู้เงินโครงการได้” นางดุษฎี กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการประกันสังคมได้มีมติอนุมัติการดำเนินโครงการโดย สปส.กำหนดกรอบวงเงินไว้ทั้งหมด 5,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะมีผู้กู้ทั้งสิ้นประมาณ 10,000 คน เบื้องต้นจะมีการนำร่องโครงการก่อนโดยใช้วงเงิน 500 ล้านบาท และธนาคารกรุงไทยจะเป็นผู้ปล่อยกู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 คงที่ 2 ปี ส่วนเงื่อนไขการกู้เงินโครงการนี้ผู้กู้ต้องเป็นหรือเคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ มาตรา 40 โดยกรณีมาตรา 40 นั้นต้องส่งเงินสมทบติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน นอกจากนี้ ผู้ยื่นกู้ต้องหลักฐานประกอบด้วยหนังสือรับรองจาก สปส.ว่า เป็นผู้ประกันตนหรือเคยเป็นผู้ประกันมาตรา 33 หรือ มาตรา 40 และมีหนังสือรับรองจากกรมการจัดหางาน (กกจ.) ว่าทำงานต่างประเทศและมีนายจ้างจริง ซึ่งสามารถยื่นกู้ได้รายละ 150,000 บาท โดยไม่ต้องใช้บุคคล หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่จะต้องทำสัญญากับธนาคารกรุงไทยยินยอมให้หักเงินเดือนเพื่อผ่อนชำระหนี้ สปส.ผ่านบัญชีธนาคารในต่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาหนี้เสีย
