สธ.เล็งใช้ยางพาราผลิตถุงยางอนามัย กระตุ้นมูลค่าน้ำยาง หนุนนโยบายเซฟเซ็กซ์ ลดปัญหาการท้องไม่พร้อม เตรียมเซ็นเอ็มโอยู ศธ.ติดตู้ถุงยางในโรงเรียน ยันไม่คิดลงโทษคนโสดด้วยการขึ้นภาษี อาจใช้นโยบายลูกคนแรกกระตุ้นการมีบุตรในวัยที่เหมาะสม ด้านชาวเน็ตจวกนักวิชาการยับไม่เห็นด้วยขึ้น “ภาษีคนโสด” หวังกระตุ้นมีบุตร
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอนามัยเจริญพันธุ์แห่งชาติ ว่าขณะนี้พบว่าวัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และอายุน้อยลงเรื่อยๆ เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ตามมา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากไม่ได้ป้องกันร้อยละ 46 คุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอร้อยละ 28 เหตุที่ไม่คุมกำเนิด เนื่องจากขาดความรู้ในการคุมกำเนิดร้อยละ 9 และเข้าใจผิดว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งเดียวไม่ตั้งครรภ์ หรือหากใช้ถุงยางจะขัดขวางความรู้สึกทางเพศ และไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสตั้งครรภ์เมื่อใด นอกจากนี้ วัยรุ่นยังไม่กล้าเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับบริการคุมกำเนิด ส่งผลให้วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงบริการคุมกำเนิดได้ ดังนั้น คณะกรรมการจึงได้ให้ความสำคัญใน 2 เรื่อง คือ 1. การป้องกันการท้องไม่พร้อม โดยพบว่าปี 2555 มีแม่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปีคลอด 3,725 คน เฉลี่ยวันละ 10 คน แม่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีคลอดลูก 133,176 คน หรือเฉลี่ยคลอดวันละ 365 คน และมีแม่วัยรุ่นคลอดลูกซ้ำปีละ 15,443 คน หรือเฉลี่ยวันละ 42 คน
นพ.ประดิษฐกล่าวอีกว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องทำความเข้าใจ และให้ความรู้ทั้งครอบครัว ให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการป้องกัน การแก้ปัญหาท้องไม่พร้อม โดยในเรื่องนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างกัน โดยทำข้อตกลงระหว่างกระทรวงเพื่อจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน เช่น การติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียน พร้อมไปกับการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง และปรับหลักสูตรการศึกษาต่อไป และ 2. การกระตุ้นการเกิดในวัยที่เหมาะสมเพื่อทำให้โครงสร้างประชากรเกิดความสมดุล แต่คงไม่ใช้วิธีการลงโทษด้วยการขึ้นภาษี แต่จะเป็นนโยบายกระตุ้นให้คนพร้อมที่จะมีลูก เช่น นโยบายลูกคนแรกมากกว่า เป็นต้น
“การป้องกันการท้องไม่พร้อมถือเป็นวาระสำคัญ โดยจำเป็นต้องสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนสำเร็จรูปและให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย ควบคู่ไปกับการสนับสนุนอุปกรณ์เพื่อป้องกัน ซึ่งปัจจุบันมีการสนับสนุนการใช้ถุงยางอนามัยประมาณ 40 ล้านชิ้นต่อปี ก็จะมีการกระตุ้นให้ใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ด้วย นอกจากนี้ จะมีการกำหนดให้ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบสำคัญทั้งหมดโดยไม่ใช้ยางสังเคราะห์ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าของยางพาราวิธีหนึ่งด้วย ซึ่งทำให้รัฐบาลไม่ต้องรอแก้เฉพาะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการอุ้มราคายางพารา” รมว.สาธารณสุขกล่าว
ทั้งนี้ ในสังคมออนไลน์อย่างเว็บไซต์พันทิปได้มีการแสดงความเห็นถึงกรณีนักวิชาการเสนอให้เก็บภาษีคนโสด ภาษีคนไม่มีลูก เพื่อกระตุ้นให้มีครอบครัว เพื่อลดภาระงบประมาณการใช้สวัสดิการดูแลของภาครัฐในอนาคต และเพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์ซึ่งทุกวันนี้ต่ำมากคือ 1.6 ต่อครอบครัว หรือ 1 คู่สมรสมีลูกเพียง 1 คนกว่าเท่านั้น ทั้งที่จริงต้องมีขั้นต่ำ 2-3 คน เช่น
“มีลูกแล้วรัฐช่วยเลี้ยง ช่วยเรื่องการศึกษามากได้ดีแค่ไหนล่ะ เรื่องแบบนี้มันต้องวางแผนให้ดี ประเมินศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศด้วย ไม่ใช่ว่าเอะอะคนน้อยก็ให้มีลูกเยอะๆ แล้วเลี้ยงไม่ไหว มีปัญหาครอบครัว โตไปเป็นอาชญากรเพิ่มภาระให้สังคมอีก” Homo Sapien MKII
“เฮ้อ อุตส่าห์ไม่มีลูก เพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าการศึกษาบ้าเลือด และจิปาถะ ยังจะตามมาเก็บภาษีเพื่ม ไม่จ่ายค่ะ” นาตาชา
“ปั๊มลูกก็มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ไม่ปั๊มก็คิดอยากจะมาเก็บภาษีเพิ่ม สรุป อย่างไงก็ต้องเสีย เอ่อ...ถ้าคิดอะไรไม่ได้ ก็ไปนอนดีกว่านะ” คุณแม่น้องก้อง
“ของญี่ปุ่นมีแบบนี้นะ แต่เค้าเปลี่ยนเป็นใครมีลูกเพิ่มจะมีสวัสดิการตอนคลอดแทน มันน่าจูงใจกว่า” DevastatoR
"ประชากรก็เพิ่มขึ้นตลอด จะมาว่าจำนวนประชากรต่ำลงได้ยังไง งง ที่วัยทำงานหายไป ขาดแคลนแรงงาน เพราะคนไทยเลือกงาน งานหนักๆก็ไม่ทำ บางส่วนจบ ป.ตรี แล้วเรียนต่อโทเลย ไม่ได้ทำงาน ทำให้มีบางส่วนตรงนี้หายไปจำนวนคนทำงาน พวกงานฝีมือทางด้านอาชีพก็ไม่ค่อยมีคนเรียนกันมา เพราะไปสนับสนุนเชิดชูคนเรียนสายสามัญ จบ ป.ตรี คนก็แห่กันไปเรียน ป.ตรี เข้าสายสามัญหมด จบมาก็เลือกงานเพราะอุตส่าห์เรียนมาตั้งนาน งานที่ไม่โก้ไม่หรูก็ไม่เอา งานใช้แรงงาน กลายเป็นว่าต้องไปจ้างต่างชาติ ไม่ใช่ว่าคนไทยมีไม่พอ มีน่ะมี แต่ไม่ทำ
ควรแก้ที่ค่านิยมของสังคมมากกว่า อย่าดูถูกคนทำงานใช้แรง อย่าดูถูกคนไม่ได้จบ ป.ตรี ประเทศเจริญแล้ว เค้าไม่ได้มาดูถูกเหยียดหยามกันหรอก ว่าไอ้นี่ไอ้นั่นไม่จบ ป.ตรี แถมกรรมกรบ้านเค้าก็ได้ค่าแรงสูง สมกับที่ต้องเหนื่อย ค่าแรงอาจสูงมากกว่างานออฟฟิตด้วยซ้ำ เมืองไทย กรรมกร คนใช้แรงงาน โดนดูถูก ค่าแรงก็น้อย ใครจะอยากทำ
“ตอนนี้เราว่าประชากรเยอะไปด้วยซ้ำ แย่งกันกินแย่งกันใช้ ดูแลไม่ทั่วถึง ยังจะมายากเพิ่มประชากรอีก สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทำให้ทั่วถึง ประชาชนอยู่ดีกินดีก่อนดีไหม ค่อยจะมาอยากเพิ่มอัตราการเกิดของประชากร” เทมปุระ
“ผมว่า อาจารย์ ม.รังสิตคนนี้ เป็นคนมองการณ์ไกลดีครับ แต่ตอนนี้เราแค่เริ่มมีปัญหาอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรน้อยลง และจำนวนคนสูงอายุก็เริ่มจะเพิ่มสูงขึ้นแล้วด้วย ประชากรประเทศเราเพิ่มขึ้นตลอดครับ แต่อัตราการเพิ่มขึ้นมันไม่สูงแบบเมื่อก่อนแล้ว ยิ่งประเทศที่เจริญๆ แล้วหรือ ประเทศที่กำลังมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรที่น้อยลงไป แต่คนแก่กลับเต็มเมือง ซึ่งอยู่ในวัยเกษียณไม่ได้ทำงาน จึงมีรายได้ลดลงไป ก็จ่ายภาษีลดลง ลดการสร้างรายได้ให้กับตัวเองและประชากรโดยรวมของเทศไป และลดการใช้จ่ายต่างๆและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงไป แต่มีปัญหาสุขภาพมาก จึงเปลี่ยนมาใช้จ่ายด้านสุขภาพแทน เขาจึงเก็บภาษีคนโสดมากกว่าปกติเป็นการแก้ปัญหา มันก็เป็นปัญหายะระยาว ในเรื่องความมั่นคงของประเทศและระบบเศรษฐกิจของประเทศครับ กว่าจะเห็นผลของปัญหากันจริงๆ ถ้าสุกงอมจริงๆ ต้องรอผ่านไปสัก 20-30 ปี หลายๆ ประเทศเริ่มก็เริ่มเจอปัญหานี้หนักครับ”
“แต่บางประเทศตรงกันข้ามนะครับ บางประเทศเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่คนเยอะไปมากๆ และมีวัฒนธรรมไม่คุมกำเนิด อย่างประเทศบังคลาเทศ ประชากรหนาแน่นกว่าเรา 7-8 เท่าตัว ขนาดพื้นที่ประเทศเขาพอๆกับกัมพูชา เล็กกว่ากัมพูชานิดนึง แต่มีคนประมาณ 150ล้านคน และGDPประเทศเขาน้อยกว่าเรา 2-3 เท่าตัว” แน่ข้างเดียว One-sided sure
“เด็กไทยท้องในวัยเรียน ติดอันดับสูดที่สุดในเอเชีย และเป็นที่ 2 ของโลกไม่ใช่หรอมองไปทางไหน ก็ยังเห็นผู้หญิงอายุไม่ถึง 20 ก็มีลูกกันแล้ว ขาดแคลนตรงไหนเห็นเดี๋ยวท้อง เดี๋ยวท้อง เลี้ยงกันไม่ไหว บ่นแต่ก็ท้องอีกแล้ว” ..ฟ้าใส..
ขณะที่แฟนเพจ Jaytherabbit ซึ่งมีคนกดไลก์ติดตามมากกว่า 3.86 แสนคน ก็มีการทำภาพแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า “ต้องรีบมีผัว เพราะกลัวภาษี” โดยมีชาวเฟซบุ๊กเข้ามากดถูกใจและแชร์ภาพดังกล่าวทางสังคมออนไลน์ไปแล้วกว่า 12,000 คน
สำหรับกลุ่มเพศที่สามหรือรักร่วมเพศ โดยพนักงานออฟฟิศเอกชนแห่งหนึ่ง ก็แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า ไม่เห็นด้วยต่อเรื่องนี้ เนื่องจากเพศที่สามมีความผิดหรือไม่ที่เกิดมาแล้วอาจจะต้องครองตัวเป็นโสด ไม่มีคู่ เพราะทุกวันนี้ต้องเข้าใจว่าการมีครอบครัวฉันท์สามีภรรยาของเพศที่สามเหมือนชายหญิงทั่วไปถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก และต่อให้มีการครองคู่กัน ขณะนี้ก็ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับในเรื่องการสร้างครอบครัวของเพศที่สาม ที่สำคัญการขึ้นภาษีก็เพื่อกระตุ้นให้มีบุตรเพิ่มขึ้น แต่เพศที่ 3 เราไม่สามารถมีบุตรเองได้ และอย่าลืมว่าทุกวันนี้ค่าครองชีพก็สูงมากพออยู่แล้ว
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอนามัยเจริญพันธุ์แห่งชาติ ว่าขณะนี้พบว่าวัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และอายุน้อยลงเรื่อยๆ เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ตามมา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากไม่ได้ป้องกันร้อยละ 46 คุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอร้อยละ 28 เหตุที่ไม่คุมกำเนิด เนื่องจากขาดความรู้ในการคุมกำเนิดร้อยละ 9 และเข้าใจผิดว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งเดียวไม่ตั้งครรภ์ หรือหากใช้ถุงยางจะขัดขวางความรู้สึกทางเพศ และไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสตั้งครรภ์เมื่อใด นอกจากนี้ วัยรุ่นยังไม่กล้าเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับบริการคุมกำเนิด ส่งผลให้วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงบริการคุมกำเนิดได้ ดังนั้น คณะกรรมการจึงได้ให้ความสำคัญใน 2 เรื่อง คือ 1. การป้องกันการท้องไม่พร้อม โดยพบว่าปี 2555 มีแม่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปีคลอด 3,725 คน เฉลี่ยวันละ 10 คน แม่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีคลอดลูก 133,176 คน หรือเฉลี่ยคลอดวันละ 365 คน และมีแม่วัยรุ่นคลอดลูกซ้ำปีละ 15,443 คน หรือเฉลี่ยวันละ 42 คน
นพ.ประดิษฐกล่าวอีกว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องทำความเข้าใจ และให้ความรู้ทั้งครอบครัว ให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการป้องกัน การแก้ปัญหาท้องไม่พร้อม โดยในเรื่องนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างกัน โดยทำข้อตกลงระหว่างกระทรวงเพื่อจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน เช่น การติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียน พร้อมไปกับการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง และปรับหลักสูตรการศึกษาต่อไป และ 2. การกระตุ้นการเกิดในวัยที่เหมาะสมเพื่อทำให้โครงสร้างประชากรเกิดความสมดุล แต่คงไม่ใช้วิธีการลงโทษด้วยการขึ้นภาษี แต่จะเป็นนโยบายกระตุ้นให้คนพร้อมที่จะมีลูก เช่น นโยบายลูกคนแรกมากกว่า เป็นต้น
“การป้องกันการท้องไม่พร้อมถือเป็นวาระสำคัญ โดยจำเป็นต้องสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนสำเร็จรูปและให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย ควบคู่ไปกับการสนับสนุนอุปกรณ์เพื่อป้องกัน ซึ่งปัจจุบันมีการสนับสนุนการใช้ถุงยางอนามัยประมาณ 40 ล้านชิ้นต่อปี ก็จะมีการกระตุ้นให้ใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ด้วย นอกจากนี้ จะมีการกำหนดให้ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบสำคัญทั้งหมดโดยไม่ใช้ยางสังเคราะห์ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าของยางพาราวิธีหนึ่งด้วย ซึ่งทำให้รัฐบาลไม่ต้องรอแก้เฉพาะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการอุ้มราคายางพารา” รมว.สาธารณสุขกล่าว
ทั้งนี้ ในสังคมออนไลน์อย่างเว็บไซต์พันทิปได้มีการแสดงความเห็นถึงกรณีนักวิชาการเสนอให้เก็บภาษีคนโสด ภาษีคนไม่มีลูก เพื่อกระตุ้นให้มีครอบครัว เพื่อลดภาระงบประมาณการใช้สวัสดิการดูแลของภาครัฐในอนาคต และเพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์ซึ่งทุกวันนี้ต่ำมากคือ 1.6 ต่อครอบครัว หรือ 1 คู่สมรสมีลูกเพียง 1 คนกว่าเท่านั้น ทั้งที่จริงต้องมีขั้นต่ำ 2-3 คน เช่น
“มีลูกแล้วรัฐช่วยเลี้ยง ช่วยเรื่องการศึกษามากได้ดีแค่ไหนล่ะ เรื่องแบบนี้มันต้องวางแผนให้ดี ประเมินศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศด้วย ไม่ใช่ว่าเอะอะคนน้อยก็ให้มีลูกเยอะๆ แล้วเลี้ยงไม่ไหว มีปัญหาครอบครัว โตไปเป็นอาชญากรเพิ่มภาระให้สังคมอีก” Homo Sapien MKII
“เฮ้อ อุตส่าห์ไม่มีลูก เพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าการศึกษาบ้าเลือด และจิปาถะ ยังจะตามมาเก็บภาษีเพื่ม ไม่จ่ายค่ะ” นาตาชา
“ปั๊มลูกก็มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ไม่ปั๊มก็คิดอยากจะมาเก็บภาษีเพิ่ม สรุป อย่างไงก็ต้องเสีย เอ่อ...ถ้าคิดอะไรไม่ได้ ก็ไปนอนดีกว่านะ” คุณแม่น้องก้อง
“ของญี่ปุ่นมีแบบนี้นะ แต่เค้าเปลี่ยนเป็นใครมีลูกเพิ่มจะมีสวัสดิการตอนคลอดแทน มันน่าจูงใจกว่า” DevastatoR
"ประชากรก็เพิ่มขึ้นตลอด จะมาว่าจำนวนประชากรต่ำลงได้ยังไง งง ที่วัยทำงานหายไป ขาดแคลนแรงงาน เพราะคนไทยเลือกงาน งานหนักๆก็ไม่ทำ บางส่วนจบ ป.ตรี แล้วเรียนต่อโทเลย ไม่ได้ทำงาน ทำให้มีบางส่วนตรงนี้หายไปจำนวนคนทำงาน พวกงานฝีมือทางด้านอาชีพก็ไม่ค่อยมีคนเรียนกันมา เพราะไปสนับสนุนเชิดชูคนเรียนสายสามัญ จบ ป.ตรี คนก็แห่กันไปเรียน ป.ตรี เข้าสายสามัญหมด จบมาก็เลือกงานเพราะอุตส่าห์เรียนมาตั้งนาน งานที่ไม่โก้ไม่หรูก็ไม่เอา งานใช้แรงงาน กลายเป็นว่าต้องไปจ้างต่างชาติ ไม่ใช่ว่าคนไทยมีไม่พอ มีน่ะมี แต่ไม่ทำ
ควรแก้ที่ค่านิยมของสังคมมากกว่า อย่าดูถูกคนทำงานใช้แรง อย่าดูถูกคนไม่ได้จบ ป.ตรี ประเทศเจริญแล้ว เค้าไม่ได้มาดูถูกเหยียดหยามกันหรอก ว่าไอ้นี่ไอ้นั่นไม่จบ ป.ตรี แถมกรรมกรบ้านเค้าก็ได้ค่าแรงสูง สมกับที่ต้องเหนื่อย ค่าแรงอาจสูงมากกว่างานออฟฟิตด้วยซ้ำ เมืองไทย กรรมกร คนใช้แรงงาน โดนดูถูก ค่าแรงก็น้อย ใครจะอยากทำ
“ตอนนี้เราว่าประชากรเยอะไปด้วยซ้ำ แย่งกันกินแย่งกันใช้ ดูแลไม่ทั่วถึง ยังจะมายากเพิ่มประชากรอีก สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทำให้ทั่วถึง ประชาชนอยู่ดีกินดีก่อนดีไหม ค่อยจะมาอยากเพิ่มอัตราการเกิดของประชากร” เทมปุระ
“ผมว่า อาจารย์ ม.รังสิตคนนี้ เป็นคนมองการณ์ไกลดีครับ แต่ตอนนี้เราแค่เริ่มมีปัญหาอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรน้อยลง และจำนวนคนสูงอายุก็เริ่มจะเพิ่มสูงขึ้นแล้วด้วย ประชากรประเทศเราเพิ่มขึ้นตลอดครับ แต่อัตราการเพิ่มขึ้นมันไม่สูงแบบเมื่อก่อนแล้ว ยิ่งประเทศที่เจริญๆ แล้วหรือ ประเทศที่กำลังมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรที่น้อยลงไป แต่คนแก่กลับเต็มเมือง ซึ่งอยู่ในวัยเกษียณไม่ได้ทำงาน จึงมีรายได้ลดลงไป ก็จ่ายภาษีลดลง ลดการสร้างรายได้ให้กับตัวเองและประชากรโดยรวมของเทศไป และลดการใช้จ่ายต่างๆและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงไป แต่มีปัญหาสุขภาพมาก จึงเปลี่ยนมาใช้จ่ายด้านสุขภาพแทน เขาจึงเก็บภาษีคนโสดมากกว่าปกติเป็นการแก้ปัญหา มันก็เป็นปัญหายะระยาว ในเรื่องความมั่นคงของประเทศและระบบเศรษฐกิจของประเทศครับ กว่าจะเห็นผลของปัญหากันจริงๆ ถ้าสุกงอมจริงๆ ต้องรอผ่านไปสัก 20-30 ปี หลายๆ ประเทศเริ่มก็เริ่มเจอปัญหานี้หนักครับ”
“แต่บางประเทศตรงกันข้ามนะครับ บางประเทศเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่คนเยอะไปมากๆ และมีวัฒนธรรมไม่คุมกำเนิด อย่างประเทศบังคลาเทศ ประชากรหนาแน่นกว่าเรา 7-8 เท่าตัว ขนาดพื้นที่ประเทศเขาพอๆกับกัมพูชา เล็กกว่ากัมพูชานิดนึง แต่มีคนประมาณ 150ล้านคน และGDPประเทศเขาน้อยกว่าเรา 2-3 เท่าตัว” แน่ข้างเดียว One-sided sure
“เด็กไทยท้องในวัยเรียน ติดอันดับสูดที่สุดในเอเชีย และเป็นที่ 2 ของโลกไม่ใช่หรอมองไปทางไหน ก็ยังเห็นผู้หญิงอายุไม่ถึง 20 ก็มีลูกกันแล้ว ขาดแคลนตรงไหนเห็นเดี๋ยวท้อง เดี๋ยวท้อง เลี้ยงกันไม่ไหว บ่นแต่ก็ท้องอีกแล้ว” ..ฟ้าใส..
ขณะที่แฟนเพจ Jaytherabbit ซึ่งมีคนกดไลก์ติดตามมากกว่า 3.86 แสนคน ก็มีการทำภาพแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า “ต้องรีบมีผัว เพราะกลัวภาษี” โดยมีชาวเฟซบุ๊กเข้ามากดถูกใจและแชร์ภาพดังกล่าวทางสังคมออนไลน์ไปแล้วกว่า 12,000 คน
สำหรับกลุ่มเพศที่สามหรือรักร่วมเพศ โดยพนักงานออฟฟิศเอกชนแห่งหนึ่ง ก็แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า ไม่เห็นด้วยต่อเรื่องนี้ เนื่องจากเพศที่สามมีความผิดหรือไม่ที่เกิดมาแล้วอาจจะต้องครองตัวเป็นโสด ไม่มีคู่ เพราะทุกวันนี้ต้องเข้าใจว่าการมีครอบครัวฉันท์สามีภรรยาของเพศที่สามเหมือนชายหญิงทั่วไปถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก และต่อให้มีการครองคู่กัน ขณะนี้ก็ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับในเรื่องการสร้างครอบครัวของเพศที่สาม ที่สำคัญการขึ้นภาษีก็เพื่อกระตุ้นให้มีบุตรเพิ่มขึ้น แต่เพศที่ 3 เราไม่สามารถมีบุตรเองได้ และอย่าลืมว่าทุกวันนี้ค่าครองชีพก็สูงมากพออยู่แล้ว