สำรวจการมีเซ็กซ์ของนักเรียน พบใส่ถุงยางตอนซั่มกันครั้งแรกแค่ 55.1% ขณะที่วัยรุ่นท้องอายุน้อยลงเรื่อยๆ เฉลี่ย 15-16 ปี เหตุไม่คุมกำเนิด ส่งผลสาวอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดลูกเฉลี่ยวันละ 370 คน ต่ำกว่า 15 ปี คลอดวันละ 10 คน สธ.เตรียมเดินหน้าอนามัยเจริญพันธุ์แก้ปัญหารับเออีซี
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติครั้งที่ 3 “สิทธิและการเข้าถึงอนามัยการเจริญพันธุ์ : ประเทศไทยสู่อาเซียน” ว่า วันประชากรโลกตรงกับวันที่ 11 ก.ค.องค์การสหประชาชาติได้เน้นในเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เพื่อรณรงค์ป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมของวัยรุ่น และเรียกร้องให้มีการลงทุนเพื่อส่งเสริมการศึกษา สุขภาพ ความเป็นอยู่ พร้อมทั้งปกป้องรักษาสิทธิมนุษยชนของวัยรุ่นหญิง ทั้งนี้ ปัจจุบันวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เฉลี่ยอายุ 15-16 ปี การตั้งครรภ์ของวัยรุ่นส่วนใหญ่เกิดจากการใช้วิธีคุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอหรือไม่ป้องกัน เนื่องจากขาดความรู้และเข้าใจว่าร่วมเพศครั้งเดียวไม่ตั้งครรภ์ ฯลฯ
นายสรวงศ์ กล่าวอีกว่า จากการสำรวจพฤติกรรมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มัธยมศึกษาปีที่ 5 และ ปวช.ปี 2 โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ปี 2550-2554 พบว่า การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกส่วนใหญ่ใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 55.1 นอกจากนี้ ร้อยละ 70 ของวัยรุ่นใช้บ้านตนเอง หรือบ้านเพื่อน เป็นสถานที่ที่มีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรก จากพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย และมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ส่งผลให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลสถิติสาธารณสุขพบว่า ในปี 2554 มีเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 370 คน โดยมีวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 10 คน เปรียบเทียบกับปี 2543 ในช่วงวัยเดียวกัน พบว่าวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 240 คน และในอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 4 คน
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาประเทศไทยได้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเรื่องการวางแผนครอบครัว งานอนามัยแม่และเด็กแล้ว อย่างไรก็ตาม ประเด็นการลดความรุนแรงต่อสตรี การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย การติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ ยังคงเป็นเป้าหมายที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย โดยส่งเสริมให้กลุ่มสตรี วัยรุ่นและเยาวชน เข้าถึงสิทธิและบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ได้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ พร้อมการเปิดรับประชาคมอาเซียนปี 2558
อนึ่ง นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2553-2557) เพื่อให้วัยรุ่นเข้าถึงบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ และลดปัญหาการตั้งครรภ์ มีดังนี้ 1.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการแก้ไขปัญหาอนามัยการเจริญพันธุ์แบบบูรณาการ 2.ส่งเสริมการจัดบริการสุขภาพที่เป็นมิตรสำหรับวัยรุ่น เช่น สนับสนุนการจัดตั้งคลินิกวัยรุ่นในโรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อให้วัยรุ่นเข้าถึงการให้คำปรึกษา บริการด้านสุขภาพและอนามัยการเจริญพันธุ์ และ 3.ส่งเสริมการเข้าถึงบริการวางแผนครอบครัวและอนามัยการเจริญพันธุ์ เพื่อให้ชายหญิงวัยเจริญพันธุ์มีความรู้ เกิดความตระหนัก และเข้าถึงบริการวางแผนครอบครัวและอนามัยการเจริญพันธุ์ และการบริการคุมกำเนิดที่เหมาะสม
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติครั้งที่ 3 “สิทธิและการเข้าถึงอนามัยการเจริญพันธุ์ : ประเทศไทยสู่อาเซียน” ว่า วันประชากรโลกตรงกับวันที่ 11 ก.ค.องค์การสหประชาชาติได้เน้นในเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เพื่อรณรงค์ป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมของวัยรุ่น และเรียกร้องให้มีการลงทุนเพื่อส่งเสริมการศึกษา สุขภาพ ความเป็นอยู่ พร้อมทั้งปกป้องรักษาสิทธิมนุษยชนของวัยรุ่นหญิง ทั้งนี้ ปัจจุบันวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เฉลี่ยอายุ 15-16 ปี การตั้งครรภ์ของวัยรุ่นส่วนใหญ่เกิดจากการใช้วิธีคุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอหรือไม่ป้องกัน เนื่องจากขาดความรู้และเข้าใจว่าร่วมเพศครั้งเดียวไม่ตั้งครรภ์ ฯลฯ
นายสรวงศ์ กล่าวอีกว่า จากการสำรวจพฤติกรรมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มัธยมศึกษาปีที่ 5 และ ปวช.ปี 2 โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ปี 2550-2554 พบว่า การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกส่วนใหญ่ใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 55.1 นอกจากนี้ ร้อยละ 70 ของวัยรุ่นใช้บ้านตนเอง หรือบ้านเพื่อน เป็นสถานที่ที่มีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรก จากพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย และมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ส่งผลให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลสถิติสาธารณสุขพบว่า ในปี 2554 มีเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 370 คน โดยมีวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 10 คน เปรียบเทียบกับปี 2543 ในช่วงวัยเดียวกัน พบว่าวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 240 คน และในอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 4 คน
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาประเทศไทยได้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเรื่องการวางแผนครอบครัว งานอนามัยแม่และเด็กแล้ว อย่างไรก็ตาม ประเด็นการลดความรุนแรงต่อสตรี การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย การติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ ยังคงเป็นเป้าหมายที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย โดยส่งเสริมให้กลุ่มสตรี วัยรุ่นและเยาวชน เข้าถึงสิทธิและบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ได้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ พร้อมการเปิดรับประชาคมอาเซียนปี 2558
อนึ่ง นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2553-2557) เพื่อให้วัยรุ่นเข้าถึงบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ และลดปัญหาการตั้งครรภ์ มีดังนี้ 1.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการแก้ไขปัญหาอนามัยการเจริญพันธุ์แบบบูรณาการ 2.ส่งเสริมการจัดบริการสุขภาพที่เป็นมิตรสำหรับวัยรุ่น เช่น สนับสนุนการจัดตั้งคลินิกวัยรุ่นในโรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อให้วัยรุ่นเข้าถึงการให้คำปรึกษา บริการด้านสุขภาพและอนามัยการเจริญพันธุ์ และ 3.ส่งเสริมการเข้าถึงบริการวางแผนครอบครัวและอนามัยการเจริญพันธุ์ เพื่อให้ชายหญิงวัยเจริญพันธุ์มีความรู้ เกิดความตระหนัก และเข้าถึงบริการวางแผนครอบครัวและอนามัยการเจริญพันธุ์ และการบริการคุมกำเนิดที่เหมาะสม