“จาตุรนต์” ชี้พันธมิตรฯถอนตัวยุติบทบาท เพราะได้บทเรียนเยอะ สะท้อนการเมืองไม่มีประเด็นให้ออกมาเคลื่อนไหว บอกขับเคลื่อนต่อไปไม่มีหลักประกันว่าจะได้อะไรคืนมา ซัดเนื้อหาที่สื่อสารทำประเทศไทยถอยหลัง ระบุการยุติบทบาทช่วยเปิดทางให้ผู้ที่ต้องการให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยได้ออกมาช่วยคิดมากขึ้น
วันนี้ (24 ส.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศยุติบทบาททางเมือง ว่า การประกาศยุติบทบาทของ พธม.เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งของการเมืองไทย เพราะ พธม.เคยมีบทบาทสูงและค่อยๆ ลดลงไป เนื่องจากมีประสบการณ์และบทเรียนพอสมควร แต่ในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง พธม.ก็อาจจะมีบทบาทขึ้นมาอีกได้ แต่ทั้งนี้การยุติบทบาทดังกล่าวสะท้อนให้เห็นพัฒนาการทางการเมืองที่ในช่วงนี้ไม่มีประเด็นที่จะออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องใหญ่ๆ ได้ หรืออีกประเด็นที่ทำให้ พธม.ตัดสินใจยุติบทบาท คือ เงื่อนไขในเรื่องการประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งแกนนำ พธม.อาจจะเกรงว่าจะได้รับอภิสิทธิ์ดังกล่าวไปอีกไม่นาน
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน นัยยะสำคัญยังอยู่ที่ทิศทางการขับเคลื่อนไม่น่าจะง่ายแล้วสำหรับแกนนำ พธม.ซึ่งเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นสิ่งที่บอกบางอย่างได้พอสมควรถึงทางออก ซึ่งหากประเมินตามสถานการณ์แล้วต้องบอกว่าขนาด พธม.ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเคลื่อนไหวก็ยังยุติบทบาท เพราะถึงอยู่ขับเคลื่อนต่อไปก็ไมมีหลักประกันว่าจะได้อะไรคืนมา
“ที่สำคัญเนื้อหาที่ พธม.สื่อสารมาเป็นเนื้อหาที่ล้าหลัง ดึงประเทศให้ถอยหลังไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น เมื่อผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการดึงให้ประเทศล้าหลังยุติบทบาทไปก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการให้บ้านเมืองเป็นประธิปไตยมากขึ้นได้ออกมาช่วยกันคิด โดยขณะนี้จะเห็นว่าผู้ไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปทางการเมืองตามคำเชิญของรัฐบาลจะเหลือเพียง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพียงพรรคเดียว” นายจาตุรนต์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่ควรประมาทและมองข้ามปัญหาต่างๆ เพราะประชาชนที่เคยร่วมกับ พธม.ก็มีเสรีภาพในการออกมาเคลื่อนไหว เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
วันนี้ (24 ส.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศยุติบทบาททางเมือง ว่า การประกาศยุติบทบาทของ พธม.เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งของการเมืองไทย เพราะ พธม.เคยมีบทบาทสูงและค่อยๆ ลดลงไป เนื่องจากมีประสบการณ์และบทเรียนพอสมควร แต่ในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง พธม.ก็อาจจะมีบทบาทขึ้นมาอีกได้ แต่ทั้งนี้การยุติบทบาทดังกล่าวสะท้อนให้เห็นพัฒนาการทางการเมืองที่ในช่วงนี้ไม่มีประเด็นที่จะออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องใหญ่ๆ ได้ หรืออีกประเด็นที่ทำให้ พธม.ตัดสินใจยุติบทบาท คือ เงื่อนไขในเรื่องการประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งแกนนำ พธม.อาจจะเกรงว่าจะได้รับอภิสิทธิ์ดังกล่าวไปอีกไม่นาน
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน นัยยะสำคัญยังอยู่ที่ทิศทางการขับเคลื่อนไม่น่าจะง่ายแล้วสำหรับแกนนำ พธม.ซึ่งเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นสิ่งที่บอกบางอย่างได้พอสมควรถึงทางออก ซึ่งหากประเมินตามสถานการณ์แล้วต้องบอกว่าขนาด พธม.ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเคลื่อนไหวก็ยังยุติบทบาท เพราะถึงอยู่ขับเคลื่อนต่อไปก็ไมมีหลักประกันว่าจะได้อะไรคืนมา
“ที่สำคัญเนื้อหาที่ พธม.สื่อสารมาเป็นเนื้อหาที่ล้าหลัง ดึงประเทศให้ถอยหลังไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น เมื่อผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการดึงให้ประเทศล้าหลังยุติบทบาทไปก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการให้บ้านเมืองเป็นประธิปไตยมากขึ้นได้ออกมาช่วยกันคิด โดยขณะนี้จะเห็นว่าผู้ไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปทางการเมืองตามคำเชิญของรัฐบาลจะเหลือเพียง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพียงพรรคเดียว” นายจาตุรนต์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่ควรประมาทและมองข้ามปัญหาต่างๆ เพราะประชาชนที่เคยร่วมกับ พธม.ก็มีเสรีภาพในการออกมาเคลื่อนไหว เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
