โฆษก พท.อ้างแกนนำพันธมิตรฯ ประกาศยุติบทบาทเป็การปลดล็อกความตึงเครียด สอดคล้องกับการเปิดเวทีปฏิรูปของ “นายกฯ ปู” ด้าน “วรชัย” เชื่อแกนนำพันธมิตรฯจะกลับมาก็ต่อเมื่อสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนด “หมอตุลย์” เรียกร้อง ปชป.เคลียร์ใจพันธมิตรฯ ลืมอดีต ทำเพื่อประเทศชาติ กลุ่มกองทัพโค่นระบอบทักษิณ บ่นเสียดายแต่จะไม่มีผลต่อกลุ่มที่จะเคลื่อนไหว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) แถลงยุติบทบาทว่า เป็นเรื่องที่ดีที่แกนนำ พธม. ตัดสินใจที่จะยุติบทบาทเพราะถือเป็นการเริ่มต้นทำให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีการเชิญชวนทุกภาคส่วนเข้าร่วมในเวทีสภาปฏิรูปการเมือง และจะทำให้ประชาชนมองเหตุการณ์ทางการเมืองมีความตึงเครียดลดลง รวมทั้งทำให้ความขัดแย้งลดลงด้วย
“สมาชิกหรือมวลชนไม่น่าจะไปร่วมกับกลุ่มอื่น หรืออาจจะมีน้อย เพราะแกนนำเป็นเหมือนแม่เหล็กในการชุมนุม และแกนนำพธม.ก็เป็นผู้ที่ประสบการณ์ คนเป็นแกนนำไม่ว่ากลุ่มไหนก็ต้องมีศาสตร์และศิลป์ในการดึงมวลชน ถ้าแกนนำประกาศยุติบทบาท สมาชิกก็คงไม่ร่วมกับกลุ่มอื่น เพราะถ้าไปร่วมคงจะไปร่วมตั้งแต่ต้น” นายพร้อมพงศ์กล่าว และว่าการที่ พธม.เรียกร้องให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลาออกนั้น ตนเชื่อว่าไม่มีการลาออกแน่นอน เพราะหากทำเช่นนั้นจะเป็นเหมือนการฉีกนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เองที่ระบุว่าจะยึดมั่นตามระบบรัฐสภา
ด้านนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเห็นใจกลุ่ม พธม.ที่กลุ่ม พธม.ต้องการปฏิรูปประเทศในรูปแบบของกลุ่มตัวเองแต่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เพราะหลังจากที่กลุ่ม พธม.ต่อสู้สำเร็จ และได้พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลก็ถูกทอดทิ้งมาตลอด ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่ามี 2 ค่าย คือพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่า พธม.จะต่อสู้อย่างไรก็มีแต่เสียกับเสีย จึงประกาศยุติบทบาทการนำมวลและหันมายึดมั่นในจุดยืนของตนเอง เพราะไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เพราะถ้าล้มพรรคเพื่อไทยได้ ก็มีเพียงพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล ซึ่งกลุ่ม พธม.เคยมีบทเรียนมาแล้ว
ส่วนสมาชิก พธม.นั้น ตนเชื่อว่าจะเดินตามแกนนำและไม่เข้าร่วมกับกลุ่มอื่น แต่จะรอดูท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์แทน เพราะที่ผ่านมาได้เห็นและได้รับผลเรียนมาแล้วเช่นกัน ส่วนกลุ่มการชุมนุมอื่นๆ เช่น เสื้อหลากสีหรือกลุ่มกองทัพประชาชนฯ นั้นเป็นกลุ่มที่ไม่มีมวลชน ไม่มีพลัง หากสมาชิก พธม.เข้าร่วมก็จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ก็ต้องฟังแกนนำของตนเอง ซึ่งตนยอมรับว่าแกนนำกลุ่ม พธม.รุ่น 1 และ 2 ถือเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่ง
ทั้งนี้ หากกลุ่ม พธม.จะกลับมาอีกครั้ง ตนเชื่อว่าจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่จะเป็นตัวกำหนด หากไม่มีเงื่อนไขหรือมีสถานการณ์ที่แหลมคม เช่น เกิดวิกฤตอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดความเสียหาย ก็จะไม่มีการกลับมาอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ถ้าพูดถึงมวลชนหรือความคิดการแบ่งสีเสื้อ ผมเห็นว่ามันไม่ได้สร้างความขัดแย้ง เพราะไม่ว่าจะเป็น นปช.หรือกลุ่มพันธมิตรฯ เองที่ผ่านมาต่างก็นิ่ง ไม่มีการออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว มีแต่เพียงพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ออกมาสร้างปัญหาทั้งในและนอกสภา”
ส่วน นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี กล่าวว่า จากการที่ตีความจากแถลงการณ์ของกลุ่ม พธม.นั้น ตนเชื่อว่าการยุติบทบาทของแกนนำดังกล่าวเพื่อต้องการให้การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของมวลชนไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งจากส่วนกลางหรือแกนนำอีก ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของมวลชนมีอิสระมากขึ้น ประกอบกับแกนนำหลายคนยังคงมีคดีความติดตัว ซึ่งอาจจะกระทบและกลายเป็นการละเมิดคำสั่งศาลหากมีการเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนใดๆ
นพ.ตุลย์กล่าวว่า ตนเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์พูดคุยกับกลุ่ม พธม. เพื่อเคลียร์ใจระหว่างกัน เนื่องจากเคยร่วมกันเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน ตนอยากให้ลืมอดีตลืมความขัดแย้งที่ผ่านมาระหว่างกัน แม้ตนจะเชื่อว่าไม่สามารถเคลียร์กันได้สนิทใจ แต่อยากให้วางไว้ก่อน ไม่อยากให้กลุ่ม พธม.มองว่าการเคลื่อนไหวจะทำให้พรคประชาธิปัตย์ ได้ประโยชน์ทางการเมือง แต่ให้มองผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ซึ่งตนเชื่อว่าการเคลียร์ใจหรือหารือกันจะทำให้การเคลื่อนไหวของมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาล เช่น กลุ่มกองทัพประชาชนฯ มีความเข้มแข็งมากขึ้น
ขณะที่นายไทกร พลสุวรรณ เสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กล่าวว่า เราเคารพในการตัดสินใจของแกนนำ พธม.ทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 แต่มีความรู้สึกเสียดายและเสียใจที่ประกาศยุติบทบาทการเคลื่อนไหว ซึ่งเราจะจดจำคุณูปการมากมายที่แกนนำ พธม.เคยร่วมสร้างในการเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณหลายครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การประกาศยุติบทบาทของแกนนำ พธม.นั้นไม่เกี่ยวและไม่มีผลใดๆ ต่อการเคลื่อนไหวของ กปท. เนื่องจาก กปท.ประกาศแล้วว่าการชุมนุมที่สวนลุมพินี นั้นเรายินดีเปิดรับทุกฝ่ายที่มีแนวทางที่จะต่อต้านระบอบทักษิน ไม่ว่าใครที่มีแนวทางเดียวกันเรายินดีเปิดรับ