ประธานวุฒิสภาบอกเป็นนิมิตหมายที่ดีแกนนำพันธมิตรฯ ประกาศยุติบทบาท อ้างคงนั่งดูว่ารัฐบาลจะปฏิรูปการเมืองอย่างไร พร้อมยื่นยันแทนรัฐบาลจริงใจเปิดช่องปฏิรูป เรียกร้องทุกฝ่ายลดทิฐิหันหน้ามาคุยกัน
นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศยุติบทบาทว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แสดงว่าเริ่มฟัง นั่งดูแล้วว่า การปฏิรูปการเมืองจะเป็นอย่างไร เขาจะพูดกันอย่างไร เป็นนิมิตหมายที่ดี
ส่วนการประชุมสภาปฏิรูปการเมือง ที่จะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) นั้น นายนิคมกล่าวว่า มีกลุ่มคนหลากหลาย แม้จะมีผู้ที่ปฏิเสธไม่เข้าร่วมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม 40 ส.ว.ซึ่งตนแนะนำให้รัฐบาลเชิญแล้ว แต่ถ้าไม่เข้าร่วมก็เริ่มต้นเจรจา เริ่มต้นหาแนวทาง เพราะคนที่ไม่เข้าร่วมก็อยากเห็นบ้านเมืองสงบเช่นกันแต่แนวทางอาจจะต่างกัน แต่ก็ไม่เป็นไร วันนี้ไม่เข้าวันหน้าก็อาจจะเข้า ทุกคนทุกความเห็นแม้จะแตกต่าง ก็เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศเรา
นายนิคมกล่าวว่า ตนจะเข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง ไปดูวันแรกคงไม่มีอะไร ดูแนวทาง ดูนโยบาย ดูความประสงค์ของนายกฯ ว่าเป็นอย่างไร ฟังเวทีผุ้ทรงคุณวุฒิก่อนว่ามีแนวทางอย่างไร แล้วค่อยมาว่ากัน
“ผมขอฟังดูก่อน เพราะคนที่มาประชุมล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้มากกว่าผมทั้งนั้น ผมอาศัยประสบการณ์ อาจผ่านการบริหารราชการแผ่นดินและประเทศชาติมาเยอะ โดยเฉพาะปัญหาคนเมือง ขอฟังดูก่อน การจัดเวทีนี้ แม้จะสำเร็จไมได้ 100% ได้แค่ 10-20% ผมว่าถือเป็นจุดที่ประสบความสำเร็จ เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่มีประเทศไหนที่จบปัญหาขัดแย้งด้วยการไม่พูดคุยหรือเจรจากัน แม้ปัญหาภาคใต้ของไทยยังมีการเจรจากัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองแนวทางปฏิรูปประเทศอย่างไร นายนิคมกล่าวว่า ตนอยากเห็นประเทศเกิดความปรองดอง เราไม่ควรมีเงื่อนไขที่ทำให้การเจรจา ประชุม ถอดใจนั่งเข้าหากัน อะไรเป็นปัญหารืออุปสรรคแก้ตรงนั้น เป็นการหาทางออกประเทศที่เป็นความเห็นร่วมกัน ขออย่าได้มีเงื่อนไข ปล่อยวางเรื่องที่เป็นปัญหา แล้วหาทางว่าปัญหานั้นจะแก้ไขกันอย่างไร ถ้าอะไรต้องแก้ด้วยกฎหมายก็แก้กฎหมาย
นายนิคมกล่าวว่า ความจริงแล้วเรื่องคณะกรรมการปฏิรูป หรือชื่ออื่น เรามีกรรมการหลายคณะ ตอนนี้ถูกมาใช้บ้าง บางส่วนใช้ทั้งหมด แต่ได้เอามาใช้หลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ ส่วนประเด็นจริงใจหรือไม่จริงใจ คือเปิดอก เปิดใจเชิญทุกคนที่แตกต่างมาคุยกัน เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า มีความตั้งใจ และจริงใจ ถ้าคนไม่จริงใจก็ไม่มาทำ มาเปิดช่องแบบนี้ การประชุมเป็นเครื่องมืออันหนึ่ง เป็นเครื่องมือของผู้บริหาร ที่จะบอกว่าการประชุมเจรจาบนโต๊ะสร้างความสำเร็จไปแล้ว ครึ่งหนึ่ง พูดกันหันหน้าเข้าหากันเป็นวิธีแก้ปัญหา พอคนเราหันหน้าเข้าหากัน ก็ประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเราก็มาคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้มองว่าประเทศมีปัญหาอะไรที่ต้องเร่งแก้ไข นายนิคมกล่าวว่า เรื่องทิฐิ ทุกคนมีมุมมองแล้วไม่ยอมรับฟังอย่างอื่น ลดทิฐิ เปิดใจ มองปัญหาอย่างเดียวกันสามารถลดขัดแย้งได้แล้ว
ส่วนข้อเสนอของคณะกรรมการชุดที่ผ่านๆ มา เช่น ชุดของ นพ.ประเวศ วะสี ระบุว่าเรื่องปรองดองและการปฏิรูปควรแยกออกจากกัน หากเดินร่วมกันมันจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นายนิคมกล่าวว่า สำหรับร่างกฎหมายปรองดองเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามระบบนิติบัญญัติอยู่ๆ บอกว่าจะปรองดองต้องถอนร่างกฎหมายก่อน ถ้ายังไม่เห็นด้วย ขอให้อ่านดูก่อนว่ามีอะไรที่ต้องแปรญัตติ หรือชี้แจงให้ประชาชนได้เห็น เพราะกฎหมายมีกระบวนการพิจารณาอีก 3 วาระ โดยยังไม่รุ้ว่าการแปรญัตติจะออกมาเป็นเช่น หรือจะมีการพิจารณาผลจะเป็นอย่างไร ดังนั้นหลายอย่างเราสามารถเดินควบคู่กันได้ไม่แน่อาจจะไปตอบโจทย์ในตอนที่เราประชุมกัน ที่ประชุมอาจจะมีข้อเสนอแนะ ดังนั้นร่างกฎหมายตัวนี้อาจจะไปตอบโจทย์พอดี ผมมองว่าเราเริ่มไปพร้อมๆ กันได้ อยากให้มองบวกว่าอันนี้อาจจะเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ข้อเสนอของ นพ.ประเวศ หรือเวทีปฏิรูปการเมืองก็ได้
