“ส.ว.รสนา” เชื่อ “พันธมิตรฯ” แค่ยุติในเชิงยุทธวิธี ไม่ได้ยุติบทบาท หากในอนาคตถึงเวลาที่เหมาะสมคงจะรวมตัวกันใหม่ การหยุดของแกนนำต้องการให้มวลชนมีอิสระในการตัดสินใจจะเข้าร่วมกับกลุ่มอื่น ไม่ได้ต้องการต่อรอง ปชป.ให้มาเป็นแกนนำม็อบ “คณิต” ให้เคารพการตัดสินใจพันธมิตรฯ ส่วนสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต้องติดตามดูกัน
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) รุ่นที่ 1 และ 2 ออกแถลงการณ์ยุติบทบาทในฐานะแกนนำว่า ตนมีความเชื่อตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ ระบุก็คือ การยุติในเชิงยุทธวิธี ไม่ได้เป็นการยุติบทบาทโดยสิ้นเชิง ในอนาคตถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมพันธมิตรฯ ก็สามารถรวมตัวกันได้ใหม่ ตนคิดว่าทางแกนนำคงต้องการให้มวลชนมีอิสระในการตัดสินใจเข้าร่วมกับกลุ่มอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องรอการตัดสินใจของแกนนำพันธมิตรฯ กลุ่มเดียว
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศยุติบทบาทเพื่อต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น น.ส.รสนากล่าวต่อว่า ตนไม่คิดว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องการต่อรองใดๆ ในส่วนของแกนนำอาจจะมองเรื่องนี้เป็นอุดมคติ เพราะสภาพของสภาฯที่เป็นอยู่ดูจะไม่มีความหมาย แต่ความเห็นส่วนตัวของตนนั้นอาจจะมองหลักตรงนี้แตกต่างไปจากกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเราสามารถทำทั้งสองแนวทางควบคู่ไปได้ในเวลาเดียวกันทั้งการเมืองภาคประชาชนและระบบสภาฯ
น.ส.รสนากล่าวว่า สถานการณ์ในระยะเวลาอันสั้นเป็นไปไม่ได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะเลือกการเมืองภาคประชาชนเพียงอย่างเดียว เพราะสภาถือเป็นโครงสร้างใหญ่ ตนจึงมองว่าการเมืองทั้งสองแนวทางน่าจะมีคนดีๆ จำนวนมากเข้าไปอยู่ทั้งสองส่วน แต่ถ้าจะให้ที่ๆ นั้นไม่มีคนไม่ดีเลยคงเป็นไปได้ยาก ระบบสภาจึงจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าต่อไปในระบอบประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นคนไม่ดีก็จะยึดสภาไปทั้งหมด
“ถ้าพันธมิตรฯ ไม่ชิงไปรณรงค์โนโหวตในตอนนั้นเสียงของประชาชนกว่า 2 ล้านเสียงคงจะสามารถเลือกคนดีๆ 4-5 คนเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนในสภาได้ ดิฉันจึงรู้สึกเสียดาย” น.ส.รสนา กล่าว
ด้านนายคณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) กล่าวว่า พันธมิตรฯ ประกาศยุติบทบาทนั้น เรื่องนี้ถือเป็นการตัดสินส่วนบุคคล ซึ่งแกนนำทุกๆ คนก็คงจะตัดสินใจแล้วเราก็ควรที่จะเคารพการตัดสินใจดังกล่าว ส่วนสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไรนั้น ตนคงไม่สามารถชี้ชัดในตอนนี้ได้ เราคงต้องติดตามต่อไปก่อน
