“ส.ว.สมชาย” เชื่อแกนนำพันธมิตรฯ ยุติบทบาทจะก้าวไปสู่การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ แนะจับตา ป.ป.ช.ตัดสินใจโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล แนะหากสถานการณ์รุนแรงควรยุบสภา ด้าน “ส.ว.วันชัย” ระบุแกนนำไม่อยากให้มวลชนยึดติด เพื่อไปเคลื่อนไหวกับกลุ่มอื่น
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)รุ่นที่ 1 และ 2 ออกแถลงการณ์ยุติบทบาทในฐานะแกนนำว่า แกนนำคงจะตัดสินใจดีแล้ว เพราะที่ผ่านมามีความละล้าละลังในหลายเรื่อง เพราะเท่าที่ทราบมีประชาชนหลายคนต้องการที่จะเข้าร่วมกับกลุ่ม พธม.แต่ทางแกนนำก็มีปัจจัยหลายประการโดยเฉพาะเงื่อนไขการประกันตัวจากศาล นั่นอาจจะทำให้แกนนำคงไม่สามารถแบกรับความหวังของประชาชนในระยะยาวได้ การยุติบทบาทในครั้งนี้จะส่งผลดีทำให้แต่ละกลุ่มที่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันสามารถเข้าร่วมกันเองได้โดยไม่ยึดติดกับแกนนำหรือเงื่อนไขเดิมๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการยุติบทบาทของแกนนำในครั้งนี้จะทำให้มวลชนอ่อนแอลงหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ เพราะจะเห็นได้ว่าเมื่อมีการจัดตั้งของกลุ่มมวลชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณอย่าง องค์กรพิทักษ์สยาม ก็มีมวลชนที่เป็นกลุ่ม พธม.เก่าเข้าร่วมกว่า 20,000 คน นั่นก็หมายความว่ากลุ่ม พธม.ยังมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเหล่านี้อยู่
นายสมชาย กล่าวว่า อนาคตอันใกล้นี้อาจจะเกิดแกนนำรุ่นที่ 3 ของกลุ่ม พธม.หรืออาจจะเกิดเป็นภาคเครือข่ายหรือกลุ่มใหม่ๆ ก็เป็นได้ เพราะสถานการณ์ปัญหาของประเทศจากนี้ไปจะรุมเร้าการบริหารประเทศของรัฐบาล ประชาชนจะรับรู้ได้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นแกนนำก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป
“การยุติบทบาทของแกนนำครั้งนี้เปรียบเสมือนดอกไม้หลายดอกหลายพันธุ์ที่กำลังเบ่งบานและรอเวลาเติบโตเพื่อมารวมกัน”
นายสมชาย ยังเสนอแนะรัฐบาลว่า ตั้งแต่ปลายเดือนนี้ที่คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.จะตัดสินเรื่องโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร หากจากนี้ไปสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นรัฐบาลควรที่จะตัดสินใจยุบสภา เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตกับประเทศ
ด้านนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การยุติบทบาทของแกนนำเป็นจุดหนึ่งของวิธีการต่อสู้ ตนเข้าใจว่าแกนนำไม่อยากให้ประชาชนไปยึดติดกับแกนนำอีกต่อไป เนื่องจากแกนนำ พธม.ผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักทำให้มีคดีความติดตัวอยู่มาก และยังมีเรื่องความเป็นเอกภาพในกลุ่มด้วย ถ้าจะเป็นแกนนำต่อไปก็อาจจะต่อสู้ไม่ได้เหมือนเก่า เพราะฉะนั้นการยุติบทบาทจะเป็นการก้าวไปสู่การเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มใหม่ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ต้องการเป็นตัวของตัวเองมากกว่า ก็อาจจะเกิดการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ขึ้นได้แต่ถ้ายังรวมกันอยู่แบบเก่าๆ ก็จะทำให้เกิดความระแวงและข้อจำกัดต่างๆ
