จี้ “ปลอดประสพ-ชูวิทย์” ตรวจฉี่หาสารปรอทตกค้าง

หมอจี้ “ปลอดประสพ-ชูวิทย์” ตรวจฉี่หาสารปรอทตกค้าง หลังโชว์เล่นน้ำเรียกความเชื่อมั่น แม้ผลกระทบแบบเฉียบพลันเกิดได้น้อย เหตุเป็นองค์ประกอบของปรอท แต่ก็ควรงดเล่นตามคำเตือน ห่วงการปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหารมากกว่า โดยเฉพาะเนื้อปลา

นพ.ปรีชา เปรมปรี ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การพบสารปรอทที่อ่าวพร้าว และอ่าวทับทิม โอกาสสร้างผลกระทบต่อร่างกายจากการลงเล่นน้ำแบบเฉียบพลัน ถือว่าน้อยมาก เนื่องจากเป็นเพียงสารองค์ประกอบของปรอท ไม่ใช่สารปรอทโดยตรง แต่ก็ควรต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมควบคุมพิษงดเล่นน้ำ ส่วนที่มีนักการเมืองลงเล่นน้ำโชว์ ทั้งนายปลอดประสพ สุรัสวดี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นั้น ก็ควรมาตรวจร่างกายเพื่อความปลอดภัยได้ ทั้งการตรวจเลือด และปัสสาวะ หาสารปรอทตกค้าง แต่สิ่งที่น่าห่วง คือ สารปรอทปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหาร เข้าไปในสัตว์น้ำ หากนำมาปรุงเพื่อรับประทาน แม้ผ่านความร้อนก็ไม่สามารถทำลายสารตกค้างได้ แม้ว่าการทำประมงในบริเวณอ่าวพร้าว ไม่ใช่การประมงชายฝั่ง หรือมีการเลี้ยงปลาชายฝั่ง แต่ก็ต้องมีการติดตาม และตรวจสอบอาหารทะเล

“สารปรอทเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ช่องทาง คือ 1.การซึมทางผิวหนัง  ตา และเยื่อบุตา  2.การหายใจ  และ 3.การรับประทาน ดังนั้น คนที่ลงไปเล่นน้ำทะเลแล้วมีโอกาสได้รับสารจะมาจากทางปากและผิวหนัง แต่การส่งผลกระทบขึ้นอยู่กับบุคคล ส่วนผลระยะยาวต้องดูว่ารับสารเข้าไปมากน้อยเพียงใด เพราะส่วนใหญ่ร่างกายจะขับออกทางปัสสาวะและไตได้ ภายใน 2 วันถึง 80% เหลือตกค้างอยู่อีก 20% แต่ภายใน 1 เดือนก็จะขับออกมาได้หมด อย่างไรก็ตาม ค่าที่กำหนดไว้ในเรื่องของความปลอดภัยจะตั้งไว้ที่ 20 ไมโครกรัม/คลิตินีน ของคนที่ทำงานในโรงงานทั้งหลาย ส่วนในเลือดกำหนดค่าความปลอดภัยไว้ที่ 15 ไมโครกรัม/ลิตร” นพ.ปรีชา กล่าว

นพ.วินัย วนานุกุล ผู้อำนวยการศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ผลกระทบจากการเล่นน้ำ ไม่น่าห่วงเท่ากับการปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหารของสัตว์น้ำ เพราะทำให้ร่างกายของปลาหรือสัตว์น้ำมีสารตกค้าง คนรับประทานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยสารที่คาดว่าจะตกค้างในอาหารทะเลที่น่าจะพบมากที่สุด ได้แก่ เนื้อปลา หน่วยงานของรัฐจึงควรเร่งสำรวจสารตกค้างในอาหารทะเลในพื้นที่ดังกล่าว และควรมีการศึกษาอย่างชัดเจนว่า สารตกค้างที่พบในน้ำทะเลบริเวณอ่างพร้าว และอ่าวทับทิม มาจากน้ำมันรั่วจริงหรือไม่ เพราะตามปกติของน้ำมันรั่วในหลายประเทศ ผลกระทบไม่ได้มีแค่สารปรอทเพียงอย่างเดียว แต่มีสารอื่นๆ ด้วย การพบสารปรอทเพียงอย่างเดียวในพื้นที่ ยังสามารถเกิดจากน้ำทิ้งในโรงงานได้อีกด้วย