สพฐ.เผยตัวเลขขาดแคลนครูอัปเดตล่าสุด 11 วิชาสูงกว่า 5 หมื่นคน วิชาภาษาต่างประเทศ ขาดมากสุด รองมาคณิต-ไทย-วิทย์ ขณะที่ “จาตุรนต์” มอบ ก.ค.ศ.รวบรวม และวิเคราะห์ปัญหาขาดครูเพื่อวางแผนบรรจุให้ตรงความต้องการ
วันนี้ (13 ส.ค.) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ได้เชิญตนพร้อมด้วย นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) และนางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปหารือเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนครู ซึ่งกำลังจะเป็นปัญหาอย่างมากในอนาคต และเนื่องจากปีนี้กระทรวงศึกษาธิการได้รับอัตราเกษียณคืน 100% รมว.ศึกษาธิการ จึงมอบหมายให้ ก.ค.ศ.ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลปัญหาการขาดครู เพื่อใช้วางแผนการบรรจุครูให้ได้ตามความต้องการที่แท้จริง ซึ่งการจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ข้อมูลต้องมีความชัดเจน จำนวนครูที่จะจบใหม่มีเอกอะไรบ้าง ขณะที่ความต้องการครูก็ต้องชัดเจนว่าต้องการสาขาใดบ้าง และวิธีการบรรจุจะทำอย่างไร สอบอย่างไรไม่ให้มีปัญหา ทั้งนี้ จะต้องดูไปถึงการโยกย้ายครูและโครงการครูคืนถิ่นด้วยที่จะต้องดูให้เชื่อมโยงกันทั้งหมด
ด้าน นายชินภัทร กล่าวว่า การแก้ปัญหาขาดแคลนครูจากการเกษียณ โดยเฉพาะขยายเวลาปฏิบัติราชการครูในสาขาที่ขาดแคลนออกไปจนถึง 65 ปี ตามที่ ก.ค.ศ.เสนอนั้น ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาขาดแคลนครูได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในระดับอุดมศึกษาก็เคยใช้วิธีการดังกล่าวมาแล้ว แต่ในระดับการศึกษาพื้นฐาน และระดับอาชีวศึกษา ยังไม่เคยใช้แนวทางนี้ อย่างไรก็ตาม ก.ค.ศ.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องบุคลากรทางการศึกษา ก็จะต้องไปศึกษาวิเคราะห์หลายๆ แนวทางมาใช้แก้ปัญหาประกอบกัน โดยในส่วนของ สพฐ.ก็จะเป็นหน่วยงานที่ให้ข้อมูลประกอบแนวทางการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ สพฐ.ได้สำรวจข้อมูลความต้องการครูตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ (เฉพาะสถานศึกษาที่มีความขาดแคลนครู) ล่าสุด ณ ปีการศึกษา 2555 โดยเรียงลำดับตามความต้องการ ดังนี้ ภาษาต่างประเทศ จำนวน 7,444 อัตรา คณิตศาสตร์ จำนวน 7,248 อัตรา ภาษาไทย จำนวน 6,324 อัตรา วิทยาศาสตร์ จำนวน 6,039 อัตรา สังคมศึกษา จำนวน 4,563 อัตรา คอมพิวเตอร์ (การงานอาชีพ) จำนวน 4,273 อัตรา ศิลปศึกษา จำนวน 4,192 อัตรา ปฐมวัย/ประถมศึกษา จำนวน 3,496 อัตรา สุขศึกษา/พลศึกษา จำนวน 3,267 อัตรา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จำนวน 1,996 อัตรา การศึกษาพิเศษ ฯลฯ จำนวน 1,715 อัตรา และขาดแคลนผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 905 อัตรา รวมอัตราขาดแคลนทั้งหมด 51,462 อัตรา
“การแก้ปัญหาขาดแคลนครูต้องมองในภาพรวม ไม่ใช่มองแต่การผลิตทดแทนเท่านั้น โดยขณะนี้ยังถือว่ามีเวลา ที่จะทำการวิเคราะห์หาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาที่หลากหลาย เช่น เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาที่ขาดแคลน อาทิ สาขาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สามารถมาเป็นครูสอนได้ โดยใช้วิธีพิเศษ เป็นต้น” นายชินภัทร กล่าว
วันนี้ (13 ส.ค.) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ได้เชิญตนพร้อมด้วย นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) และนางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปหารือเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนครู ซึ่งกำลังจะเป็นปัญหาอย่างมากในอนาคต และเนื่องจากปีนี้กระทรวงศึกษาธิการได้รับอัตราเกษียณคืน 100% รมว.ศึกษาธิการ จึงมอบหมายให้ ก.ค.ศ.ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลปัญหาการขาดครู เพื่อใช้วางแผนการบรรจุครูให้ได้ตามความต้องการที่แท้จริง ซึ่งการจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ข้อมูลต้องมีความชัดเจน จำนวนครูที่จะจบใหม่มีเอกอะไรบ้าง ขณะที่ความต้องการครูก็ต้องชัดเจนว่าต้องการสาขาใดบ้าง และวิธีการบรรจุจะทำอย่างไร สอบอย่างไรไม่ให้มีปัญหา ทั้งนี้ จะต้องดูไปถึงการโยกย้ายครูและโครงการครูคืนถิ่นด้วยที่จะต้องดูให้เชื่อมโยงกันทั้งหมด
ด้าน นายชินภัทร กล่าวว่า การแก้ปัญหาขาดแคลนครูจากการเกษียณ โดยเฉพาะขยายเวลาปฏิบัติราชการครูในสาขาที่ขาดแคลนออกไปจนถึง 65 ปี ตามที่ ก.ค.ศ.เสนอนั้น ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาขาดแคลนครูได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในระดับอุดมศึกษาก็เคยใช้วิธีการดังกล่าวมาแล้ว แต่ในระดับการศึกษาพื้นฐาน และระดับอาชีวศึกษา ยังไม่เคยใช้แนวทางนี้ อย่างไรก็ตาม ก.ค.ศ.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องบุคลากรทางการศึกษา ก็จะต้องไปศึกษาวิเคราะห์หลายๆ แนวทางมาใช้แก้ปัญหาประกอบกัน โดยในส่วนของ สพฐ.ก็จะเป็นหน่วยงานที่ให้ข้อมูลประกอบแนวทางการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ สพฐ.ได้สำรวจข้อมูลความต้องการครูตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ (เฉพาะสถานศึกษาที่มีความขาดแคลนครู) ล่าสุด ณ ปีการศึกษา 2555 โดยเรียงลำดับตามความต้องการ ดังนี้ ภาษาต่างประเทศ จำนวน 7,444 อัตรา คณิตศาสตร์ จำนวน 7,248 อัตรา ภาษาไทย จำนวน 6,324 อัตรา วิทยาศาสตร์ จำนวน 6,039 อัตรา สังคมศึกษา จำนวน 4,563 อัตรา คอมพิวเตอร์ (การงานอาชีพ) จำนวน 4,273 อัตรา ศิลปศึกษา จำนวน 4,192 อัตรา ปฐมวัย/ประถมศึกษา จำนวน 3,496 อัตรา สุขศึกษา/พลศึกษา จำนวน 3,267 อัตรา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จำนวน 1,996 อัตรา การศึกษาพิเศษ ฯลฯ จำนวน 1,715 อัตรา และขาดแคลนผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 905 อัตรา รวมอัตราขาดแคลนทั้งหมด 51,462 อัตรา
“การแก้ปัญหาขาดแคลนครูต้องมองในภาพรวม ไม่ใช่มองแต่การผลิตทดแทนเท่านั้น โดยขณะนี้ยังถือว่ามีเวลา ที่จะทำการวิเคราะห์หาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาที่หลากหลาย เช่น เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาที่ขาดแคลน อาทิ สาขาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สามารถมาเป็นครูสอนได้ โดยใช้วิธีพิเศษ เป็นต้น” นายชินภัทร กล่าว
